วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSจับตารอยร้าว“พปชร.-ปชป.”...ถึงเวลาให้บทเรียนสั่งสอน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จับตารอยร้าว“พปชร.-ปชป.”…ถึงเวลาให้บทเรียนสั่งสอน

ไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคอการเมือง หรือแม้กระทั่งแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หลังปรากฎผลเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้สมัครพรรคการเมืองที่เก่าแก่มากที่สุด ต้องพ่ายแพ้ต่อสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้คะแนนจะไม่ห่างกันมากหนัก แต่แพ้ก็คือแพ้อยู่ดี    

สำหรับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการพบว่า “นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ผู้สมัครส.ส.จากพปชร. คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง 48,701 คะแนน ตามด้วย “นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” จากปชป. ซึ่งเป็นน้องชาย “นายเทพไท เสนพงศ์” ได้ 44,632 คะแนน ส่วนผู้สมัครจากพรรคกล้าและพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ได้คะแนนแค่หลักพัน ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว นายอาญาสิทธิ์พ่ายแพ้ “นายเทพไท” เพียง 4,000 กว่าคะแนน ซึ่งหมายความ การลงชิงชัยครั้งนี้ถือว่า แก้มือสำเร็จ

cr / FB เทพไท เสนพงศ์

สำหรับสาเหตุความพ่ายแพ้ของผู้สมัครปชป. คาดหมายกันว่า เกิดจากปัจจัยหลายประการอย่างเช่น

1.เกิดปัญหาความขัดแย้งในปชป. เนื่องจาก “นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช ไม่พอใจ “นายเทพไท” อันเนื่องมาจากความเห็นต่าง จากการสนับสนุนบุคคล ลงสมัครรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น เลยไม่ให้การช่วยเหลือนายพงศ์สินธ์

2.สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเคยลงสมัครส.สในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่หันเหไปเล่นการเมืองท้องถิ่น เทคะแนนให้ผู้สมัครจาก พปชร.

3.ชาวบ้านในพื้นที่เขต 3 ชื่นชอบนโยบายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากการผลักดันโครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือชาวบ้านระดับรากหญ้า ทั้งบัตรคนจน คนละครึ่ง เราชนะ และ ไทยชนะ ซึ่งได้ใจคนได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ ซึ่งะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้

และ 4.“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าหน้าพปชร. ลงพื้นที่หาเสียง และขี้นปราศรัยด้วยตัวเอง ยิ่งทำๆให้สมาชิกพรรคมีความฮึกเหิม ต้องการคว้าชัยชนะ เพื่อช่วยเสริมสร้างบารมีให้หัวหน้าพรรคตนเอง ในช่วงที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)  

แม้การเลือกตั้งครั้งนี้ แทบจะมีไม่ผลต่อตัวเลขส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากคะแนนเสียงฝ่ายค้านรัฐบาล ห่างกันเกือบ 70 เสียงเก้าอี้ แต่ในแง่จิตวิทยา นอกจากจะทำให้ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลมีคะแนนเสียงเพิ่มเป็น 122 เสียง ทำให้ผู้มีอำนาจในพรรคแกนนำรัฐบาล มีความมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พปชร.จะสามารถขยายฐานเสียงในพื้นที่ภาคใต้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเดิมมีส.ส.อยู่ประมาณ 13 คนบวกกับหนึ่งส.ส.ที่ได้ใหม่รวมเป็น 14คน และหวังว่า อาจเข้ามายึดพื้นที่แทน ปชป. ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มายาวนาน

อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้มีข่าว “พล.อ.ประยุทธ์” กำลังตัดสินใจขอ ลงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัย ภายหลังรัฐบาลหมดวาระปลายปี 65 ยิ่งเมื่อพปชร.ที่มี “บิ๊กป้อม” เป็นคนคุมหางเสือ ได้รับความนิยมจากประชาชน ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจของหัวหน้ารัฐบาล อีกทั้งยังเป็นการแย่งพื้นที่ส.ส.ในภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของปชป.

อย่างไรก็ตามแม้ว่า สองพรรคร่วมรัฐบาลจะยืนยันว่า การเลือกตั้งในพื้นที่นครศรีธรรมราชเขต 3 เป็นวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าจับกระแสการให้สัมภาษณ์ของแกนนำปชป. ก็มองออกได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

โดย “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าปชป. ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ถึงกรณีที่บางฝ่ายคาดการณ์ว่าผลการเลือกตั้งซ่อม จะทำให้เกิดอาการรระหองระแหงในรัฐบาลหรือไม่ว่า สำหรับผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีอะไร เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะ ตนและเลขาธิการปชป.มีวุฒิภาวะ เมื่อได้พูดคุยกับพปชร.แต่เขาคิดจะส่งคนสมัครรับเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ทุกอย่างก็จบ ส่วนระดับล่างตนไม่สามารถตอบได้

cr / FB พรรคประชาธิปัตย์

เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพร และอาจมีที่สงขลาด้วย  ปชป.จะต้องพูดคุยกับพปชร. ในเรื่องการส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง อีกหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่คุยแล้ว เพราะต่างเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ครั้งเดียวก็น่าจะเป็นที่ยุติได้ ก่อนหน้านี้เกิดเหตุการณ์ในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดกำแพงเพชร

ปชป.ยอมกลืนเลือด ไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันกับคนของพปชร.เพราะรักษามารยาททางการเมืองในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จนทำให้นพ.ปรีชา มุสิกุล อดีตส.ส.กําแพงเพชร เกิดความไม่สบายใจ ลาออกจากการเป็นสมาชิกปชป.  แต่จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเกิดกรณีที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยนไป ปชป.พูดครั้งเดียวก็จบ  จากนี้ไปหากมีการเลือกตั้งซ่อม ปชป.ย์ก็จะพิจารณาเป็นกรณีไปว่าจะส่งหรือไม่ส่งอย่างไร

 

จับท่าที “หัวหน้าปชป. จะพบร่องรอยความไม่พอใจอย่าชัดจน อีกทั้งยังยกกรณีเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดกำแพงเพชร มาสอนมารยาททางการเมืองให้แกนนำพปชร.ได้รับทราบ ดังนั้นคงต้องจับตาในการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ภาคใต้ พปชร.จะส่งคนลงสมัครอีกหรือไม่

อย่าลืมว่า ปัญหาความขัดแย้งในพรรคเก่าแก่ยังมีอยู่สูง เนื่องจากยังมีความเคลื่อนไหวของส.ส.บางกลุ่มในปชป. ต้องการผลักดันให้ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอีกครั้ง เพราะเชื่อว่า จะสามารถสร้างคะแนนนิยม ให้กลับมาเกิดขึ้นกับพรรคได้อีกครั้ง

ดังนั้นถ้าการเลือกตั้งอีกหลายสนาม โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ปชป. ยังพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของ “นายจุรินทร์ ในฐานะผู้นำพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นหมายความว่า ต่อจากนี้ ถ้าหากมีการเลือกตั้งซ่อม พปชร.ส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้แข่งกับปชป. อาจมีการกระทบกระทั่งหนักขึ้น หรือถึงขั้นแตกหักด้วยซ้ำ เนื่องจากอยู่ในช่วงครึ่งเทอมหลังฝ่ายบริหาร พรรคการเมืองไหนย่อมมองถึงอนาคตของพรรคตัวเอง

แม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากคำวินิจฉัยของศาลรธน. หรือไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา บางที ปชป. อาจนำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไข ในการถอนตัวออกจากรัฐบาล เพราะการแก้ไขรธน.ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง ปชป. ผลักดันมาตลอด เพื่อสอนบทเรียนให้พรรคการเมืองน้องใหม่ รู้ว่าถ้าคิดเอาแต่ได้ ไม่คำถึงความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน  ไม่เข้าใจมารยาททางการเมือง ก็ย่อมต้องเผชิญวิบากกรรมเช่นเดียวกัน 

อย่าลืมว่า 50 เสียงของ ปชป. ก็มีความหมาย แม้ว่า “พปชร. จะเลี้ยงงูเห่าไว้ฝูงใหญ่ก็ตาม แต่สัญชาติญานสัตว์เลื้อยคลาน  ใครก็รู้ว่า….งูเห่ามักเลี้ยงไม่เชื่อง

…………………………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย : “แมวสีขาว

                                                                                                           

               

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img