วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ปรับครม.”จุดเปลี่ยนรัฐบาล “บิ๊กตู่”เลือกรอมชอมหรือหวังแตกหัก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ปรับครม.”จุดเปลี่ยนรัฐบาล “บิ๊กตู่”เลือกรอมชอมหรือหวังแตกหัก

ไม่รู้เป็นเพียงข่าวปล่อย หรือความพยายามลบรอยร้าวของบรรดา “3 ป.” หลังปรากฏชื่อ “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง จะเข้ามามีตำแหน่งสำคัญในพรรคแกนนำรัฐบาล “พลังประชารัฐ” (พปชร.)

ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าว “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เตรียมวางทายาททางการเมือง ผลักดันที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งเคยเป็นอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้เข้ามารับตำแหน่งสำคัญ หากตนเองวางมือทางการเมือง เพราะการได้นักกฎหมายมาเป็นทายาทการเมือง เคยดำรงตำแหน่งข้าราชการตุลาการมาก่อน หัวหน้ารัฐบาลย่อมมีความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัย

แม้ในช่วงดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาอย่างยาวนาน “นายกฯลุงตู่” จะไม่มีปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ไม่เคยมีข่าวคาวเรื่องการโกงกิน แต่การเมืองไทยใครก็รู้ กระบวนการทำลายล้าง มีพลานุภาพรุนแรง อีกทั้งหัวหน้ารัฐบาลเคยเป็นหัวหน้ารัฐประหาร ย่อมสร้างความโกรธแค้น ทำให้เกิดความไม่พอใจจากฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น ถ้าจะลงจากหลังเสือ ก็ต้องระวังหลัง ไม่ให้เสือตามไล่กัด

อย่าลืม “นายพีรพันธ์” ถือเป็นที่ปรึกษานายกฯที่มีบทบาทมาก ที่ผ่านมา “พล.อ.ประยุทธ์” มักมอบหมายให้รับผิดชอบงานที่มีความสำคัญ อาทิ เป็น คณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งใครตามข่าวนักการเมืองรายนี้ คงทราบว่า หลัง “นายพีระพันธุ์” ลาออกจากปชป. เมื่อเดือน ธ.ค.62 จากนั้นหัวหน้ารัฐบาลได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯทันที 

ในช่วงทำงานการเมือง  “อดีตส.ส. พรรคปชป.” มักมีบทบาทตรวจสอบปัญหาทุจริต การทำสัญญาระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งหลายครั้งเป็นข้อพิพาททางกฎหมาย และภาครัฐได้รับผลกระทบ จึงถือเป็นนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ดีคนหนึ่ง

ดังนั้นเมื่อมีรายงานข่าวว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. แต่งตั้ง “พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และยังแต่งตั้งคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคที่มี “นายไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค เป็นประธาน 

รวมถึงมีข่าวเตรียมแต่งตั้ง “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม กรรมการบริหารพรรค ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคนั้น แต่เนื่องจากการแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรค ถึงแม้จะเป็นอำนาจของหัวหน้าพรรค แต่ต้องมีแต่งตั้งในที่ประชุมใหญ่พรรค “พล.อ.ประวิตร” จึงเตรียมจะแต่งตั้งนายสมศักดิ์ มาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคแทน 

อีกทั้งยังมีข่าว “บิ๊กป้อม” เตรียมจะแต่งตั้งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จำนวน 2 คน คือ นายสมศักดิ์ ส่วนอีกคนคือ “นายพีระพันธุ์” แต่ยังติดที่นายพีระพันธุ์ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวนายพีระพันธ์ เตรียมการจะสมัครสมาชิกพรรคแล้ว แต่ติดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การดำเนินการด้านธุรการต่างๆ ไม่สะดวก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เร็วๆ นี้ “นายพีระพันธุ์” น่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคพปชร.

อย่างไรก็ตามหลังปรากฎชื่อ “พีระพันธ์” ก็มีการตั้งคำถามจาก บรรดาแกนนำบางกลุ่มในพปชร. ทำนองว่า ที่ผ่านมาอดีตส.ส.ปชป.ไม่เคยเข้ามาคลุกคลี หรือทำกิจกรรมรวมกับพรรคมาก่อน อยู่ๆ จะเข้ามามีตำแหน่งสำคัญ เป็นถึงที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค  จะมีความเหมาะสมหรือไม่ สำคัญสุดคือ ต้องได้รับการยอมรับจากสมาชิกพรรค ซึ่งประเด็นนี้อาจเป็นปัญหากับ “นายพีรพันธ์” เอง

แกนนำพปชร.บางคนเชื่อว่า ในที่สุดถ้า พล.อ.ประวิตร แต่งตั้งอดีตส.ส.ปชป. เข้ามาทำหน้าที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพปชร. น่าจะเป็นสิ่งยืนยันว่า “บิ๊กป้อม” และ “บิ๊กตู่” ไม่มีปัญหาความขัดแย้งกัน แม้จะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพปชร. คิดการใหญ่ เดินเกมหวังใช้ญัตติซักฟอกหัวหน้ารัฐบาล มาเปลี่ยนแปลงในฝ่ายบริหาร

“การปลดผู้กองคนดังพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อให้มาอยู่ในที่ที่ควรอยู่ ไม่ให้คิดว่าตนเองมีความสำคัญ หลงคิดไปว่าเป็น เส้นเลือดใหญ่ สามารถชี้เป็นชี้ตายในรัฐบาลได้ เพราะในที่สุด 3 ป. ไม่มีวันขัดแย้งกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีบทบาทเกื้อหนุนกันมา ตั้งแต่รับราชการในกองทัพ ถ้าแตกแยกและมีอันเป็นไป ก็หมายความว่า ทุกอย่างของ 3ป. ต้องสูญสลาย ถูกตามไล่ล่าจากฝ่ายตรงข้าม”

นอกจากนี้สัญญาณสำคัญ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ3 ป. คือ การปรับครม. ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นประมาณ กลางเดือนตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์อาจผลักดันให้พี่ชายสุดที่รัก “บิ๊กป้อม” เข้าไปดำรงตำแหน่งรมว.มหาดไทย โดยมี “บิ๊กฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน เข้ามารับหน้าที่ “รมช.มหาดไทย” เพื่อคอยเป็นมือเป็นไม้ ในการทำงานให้ ซึ่งใครก็รู้ว่า “บิ๊กฉิ่ง” มีความสามารถในการบริหารจัดการมากแค่ไหน มีคอนเนคชั่นกับนักการเมืองหลายพรรค ช่วย “บิ๊กป้อม” และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รอดพ้นวิกฤติการเมืองมาหลายครั้ง

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ส่วน “บิ๊กป๊อก” อาจไปรับตำแหน่งรองนายกฯ เพื่อช่วยนายกฯดูแลการบริหารในภาพรวม เนื่องจากที่ผ่านมาทำงาน เข้าขารู้ใจ “สร.1” เป็นอย่างดี ขณะที่ “กระทรวงกลาโหม” ถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ มีความละเอียดอ่อน หัวหน้ารัฐบาลคงไม่ปล่อยให้ใครเข้ามาทำหน้าที่แทน เนื่องจากมีความหมายและมีนัยยะทางการเมือง ซึ่งในที่สุดถ้าพล.อ.ประยุทธ์มอบตำแหน่ง “มท.1” ให้หัวหน้าพรรคพปชร. ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยังมีโอกาสเป็นแกนนำรัฐบาล เนื่องจากกลไกและเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย มีบทบาทมีความสำคัญ ในการเอื้อประโยชน์ให้ประชาชน  

ก่อนหน้านั้น ส.ส. พรรคแกนนำรัฐบาล สะท้อนความไม่พอใจการทำงานของ “บิ๊กป๊อก” ในฐานะ “มท.1” ให้บิ๊กป้อมและ “ร.อ.ธรรมนัส” มาตลอด  ระบุว่าเป็นคนเข้าพบยาก ไม่เคยดูความเป็นอยู่ส.ส.พรรคพปชร.  การผลักดันโครงการต่างๆก็ไม่ได้รับการสนับสนุน จึงนำสู่กระแสความไม่พอใจ ต้องการให้ “ผู้กองคนดัง” เข้ารับตำแหน่ง “มท.1” แทน

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงมีนัยยะและมีความหมายกับหัวหน้ารัฐบาลมากพอสมควร ถ้า “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องการไปต่อในฐานะหัวหน้ารัฐบาล โดยเฉพาะการเป็นประธานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี 66 ก็ต้องทำให้การเมืองนิ่ง ยุติรอยร้าวในพปชร.ให้จบลงโดยเร็ว  

ยิ่งในเดือนพฤศจิกายนซึ่งจะมีการเปิดสภาฯสมัยสามัญ รัฐบาลเตรียมผลักดันกฎหมายสำคัญหลายฉบับ ทั้งร่างพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หากยังมีส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลตีรวน เดิมเกมใต้ดิน เพื่อหวังให้เกิดแรงกระเพื่อม ก็จะเป็นปัญหากับรัฐบาลไม่จบไม่สิ้น หรืออาจมีอันเป็นไปก่อนระยะเวลาอันควร

อีกทั้งตำแหน่ง “รมช.เกษตรและสหกรณ์” และ “รมช.แรงงาน” ที่ว่างอยู่ ก็ถือเป็นโควต้าพปชร. ถ้าหัวหน้ารัฐบาลจะยึดไปเป็นสมบัติของตนเอง อาจส่งผลให้ลดอายุรัฐบาลให้สั้นลงไปเรื่อยๆ

แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะมีกองหนุน กองเชียร์ที่ทรงพลังมีอานุภาพมากแค่ไหน แต่รัฐบาลจะได้อยู่หรือไป ต้องวัดกันที่มือในสภาฯ

……………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…. “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img