วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเมื่อ“ต่อศักดิ์”หมดลุ้น“ผบ.ตร.คนที่ 13” จับตา“บิ๊กรอย”ชิงดำ”บิ๊กเด่น”               
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เมื่อ“ต่อศักดิ์”หมดลุ้น“ผบ.ตร.คนที่ 13” จับตา“บิ๊กรอย”ชิงดำ”บิ๊กเด่น”               

ผลประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2565  ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา น่าจะทำให้นายตำรวจหลายคนผิดหวังไปไม่ใช้น้อย รวมทั้งบรรดากองเชียร์-กองแช่ง เพราะในแวดวงสีกากี เวลามีการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใด การมีคอนเนคชั่น  การได้ ผู้ใหญ่มากบารมีหนุนส่ง มีความสำคัญและมีความหมายต่ออนาคตการรับราชการ

ภายหลังการประชุมโดยใช้เวลาเพียง 40 นาที  “พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงว่า การประชุม ก.ตร.ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2/2565 วาระในที่ประชุมเป็นการสรุปมติของ คณะอนุ ก.ตร.ชุดต่างๆ ซึ่งเป็นการสรุปมติประจำเดือน นายกฯย้ำว่าเรามีความจริงจังจริงใจ ในการดูแลข้าราชการตำรวจ

โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่กระทำผิดทั้งด้านวินัยและอาญา ในเดือนก.พ. มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น 23 ราย ไล่ออกจากราชการ 19 รายปลดออก 4 ราย สรุปตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. มีตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 36 นาย ไล่ออกจากราชการ 29 ราย-ปลดออก 7 ราย ซึ่งนายกฯยังกำชับอีกว่า หากข้าราชการตำรวจคนไหน ประพฤติตนไม่ดี โดยเฉพาะ หากทำผิดอาญา หรือ วินัยเสียเอง จะต้องจริงจังและรวดเร็วในการลงโทษตามระเบียบตามวินัย

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า นายกฯยังกำชับเพิ่มเติมในกรณีที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากกรณี แก๊งหลอกลวงผ่านทางสื่อออนไลน์, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้ดำเนินการกวาดล้างให้สิ้นซาก และต้องให้ดำเนินการถึงนายทุนเบื้องหลังจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมา ตร.ได้เร่งรัดในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว

สำหรับการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับนายพลในวาระกลางปี ยังไม่มีการพูดถึงในการประชุม ก.ตร.ครั้งนี้

ก่อนหน้าการประชุม มีข่าวจะมีการรพิจารณาตำแหน่งว่างจากการเกษียณฯในปี 2564 เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง นายพลตำรวจวาระเดือนเม.ย. หรือ วาระแต่งตั้งกลางปี ประกอบด้วย ที่ปรึกษาพิเศษตร. เทียบเท่ารองผบ.ตร., ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. (พล.ต.ท.) เทียบเท่าผู้บัญชาการ (ผบช.) และผู้ทรงคุณวุฒิ ตร.(พล.ต.ต.) เทียบเท่าผู้บังคับการ (ผบก.)

รวมทั้งแต่งตั้งแทนตำแหน่งว่างจากการลาออก ในโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล หรือ เออรี่รีไทร์ รุ่นที่ 22 ประจำปีงบประมาณ 2565 อาทิ ผู้บัญชาการ ยศ พล.ต.ท. คือ ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. (พล.ต.ท.) ระดับผู้บังคับการ ยศพล.ต.ต. คือ ผบก.จังหวัดกาฬสินธุ์ ,ผบก.ประจำ บช.ปส., ผบก.สสท. ,ผบก.อก.บช.ศ.

อีกทั้งยังมีรายงานว่า “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. จะเสนอชื่อ “พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์” ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2565 ขึ้นเป็น ที่ปรึกษาพิเศษตร. เทียบเท่า รองผบ.ตร. ยศ “พล.ต.อ.”, พล.ต.ต.สมพงษ์ เตชะสมบูรณ์ รอง ผบช.ตชด. ขึ้นเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. เทียบเท่า “ผบช.”, พ.ต.อ.สุทัศน์ มณสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ขึ้นเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. เทียบเท่า “ผบก.”

ทั้งนี้ ตามแนวทางปฏิบัติ ระเบียบและกฎหมายของตร. การแต่งตั้งในวาระเม.ย. จะแต่งตั้งโยกย้ายเพียง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร., ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. และ ผู้ทรงคุณวุฒิตร. ที่แต่งตั้งเลื่อนตำแหน่ง โดยพิจารณาจากผู้ที่ครองตำแหน่ง ระดับผู้ช่วยผบ.ตร.-รองผบช. หรือ รองผบก. ครบวาระ 1 ปี และจะเกษียณอายุราชการในสิ้นปีงบประมาณ 2565 เพื่อได้เลื่อนยศ-ตำแหน่งก่อนเกษียณเท่านั้น แต่คาดว่าการแต่งตั้งนายพลวาระเม.ย.ปีนี้จะแต่งตั้งทดแทนตำแหน่งที่ยังว่าง จากการเออรี่รีไทร์ด้วย

สำหรับตำแหน่ง รองผบ.ตร. ของ “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” ที่ถูกคำสั่งสำรองราชการ ถือเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว ซึ่ง ก.ตร.อนุมัติเปิดมาเพื่อแก้ปัญหาคำสั่งศาลปกครองกลางครั้งก่อน ทำให้ตำแหน่ง รองผบ.ตร. ดังกล่าว ยังไม่ว่าง ซึ่งกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ในการแต่งตั้งวาระเดือนเม.ย. จะมีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน, พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง, พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช, พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขึ้นเป็น “รองผบ.ตร.” แทน จึงยังทำไม่ได้ในวาระเดือนเม.ย.นี้ 

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุชวิมล / cr : POLICE TV

ก่อนหน้านั้น หลายฝ่ายจับตามองไปที่ “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์” หรือที่ใครเรียกกันติดปากว่า “บิ๊กต่อ” ลุ้นอาจได้รับการผลักดันให้เป็น “รองผบ.ตร.” ก่อนจะไปลุ้นชิงตำแหน่งแม่ทัพสีกากี หลังพล.ต.อ.สุวัฒน์หรือ “บิ๊กปั๊ด” เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.65

ดังนั้น ถ้า “บิ๊กต่อ” ไม่ได้ติดยศ “พล.ต.อ.” ภายในปีนี้ นั่นหมายความว่า คุณสมบัติไม่ครบ ไม่มีโอกาสลุ้นเก้าอี้ “ผบ.ตร.คนที่ 13”

อันทีจริงเคยมีข่าว ช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ได้เข้าหารือกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ถึงประเด็นสถานะของ “พล.ต.อ.วิระชัย” ว่าจะสำรองราชการ หรือพ้นราชการ หรือไม่อย่างไร

จึงมีคำถาม หัวหน้ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร กับตำแหน่ง รองผบ.ตร.(กศ ) จะโยก รองผบ.ตร.คนใด มาทำหน้าที่แทน หรือแต่งตั้งนายตำรวจระดับ “พล.ต.ท.” ให้เข้ามารับตำแหน่ง หรือปล่อยให้ว่างไป เนื่องจากเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว

เมื่อตัดชื่อ “บิ๊กต่อ” ทิ้งไปในการลุ้นชิงเก้าอี้แม่ทัพสีกากี จึงต้องหันมาจับตามอง รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน ซึ่งมียศ “พล.ต.อ.” และมีสิทธิลุ้นได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. ต่อจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ ซึ่งมีทั้งหมด 3 นาย  ไล่ตั้งแต่ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.), พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ที่จะเกษียณฯ พร้อมกันในปี 66 และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เกษียณฯ ปี 67

พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ

ถ้าไล่เรียงจุดเด่นของแคนดิเดทผบ.ตร. แต่ละคน เริ่มต้นที่ “พล.ต.อ.วิสนุ” หรือใครเรียกติดปากว่า “บิ๊กหิน” ที่เข้ามารับหน้าที่ “จตช.” ซึ่งมีบทบาทในการตรวจสอบการทำงานของตำรวจ มีภารกิจหลัก 4 ด้าน คือ ด้านการตรวจราชการ เพื่อติดตามผลการทำงาน, ด้านการร้องเรียนร้องทุกข์จากประชาชนในการให้ความเป็นธรรมของตำรวจ, ด้านระเบียบและจริยธรรมตามประมวลจริยธรรมตำรวจ และด้านการป้องกันและแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของตำรวจ

แม้การตรวจสอบองค์กรกรสีกากีจะมีความสำคัญ แต่อาจจะมี เพื่อนร่วมองค์กร ไม่ยอมรับ การสร้างผลงาน ด้วยการฆ่าน้อง-ฟ้องนาย-ขายเพื่อน แม้ว่าจะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ หากไม่ทำก็เจอข้อหาละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ซึ่งได้รับมอบหมายงานด้านความมั่นคง และยังมอบหมายภารกิจสำคัญ อย่างเช่น  ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ รองผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการจับตามองมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการขุดรากถอนโคนบ่อนพนันออนไลน์ ที่มีเครือข่ายใหญ่โต มีมูลค่าในการเล่นเป็นร้อยเป็นพันล้านบาท

แต่ที่อาจเป็นปัญหาคือ “พล.อ.ประยุทธ์” อาจจะรู้สึกติดขิดตะขวงใจ หากต้องแต่งตั้ง “บิ๊กเด่น” เพราะบุคคลที่เป็นแกนหลักสนับสนุนนายตำรวจคนนี้คือ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งความสัมพันธ์ไม่แนบแน่นกับหัวหน้ารัฐบาล แม้ว่าจะมีสถานะน้องชาย “บิ๊กป้อม” พล.ต.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์

ส่วน “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ (ศปทส.ตร.), ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.), ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.ตร.) และศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม (ศปป.ตร.) อีกทั้งยังมีข่าว มีบุคคลมีชื่อเสียงหลายคนให้การสนับสนุน

นั่นหมายความว่า การช่วงชิงตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ในปี้นี้ จะมีความสูสีเข้มข้นดุเดือดมากกว่าอดีตที่ผ่านมา ยิ่งผู้รักษากฎหมาย ที่ได้รับการแต่งตั้งจะถือเป็น “แม่ทัพสีกากีคนที่ 13” แม้ประเทศไทยจะไม่ถือว่า “เลข 13” เป็นอาถรรพ์เหมือนชาติตะวันตก แต่การที่มี “บิ๊กสีกากี” ซึ่งเป็นตัวเต็งหลุดโผแบบเหนือความคาดหมาย ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนให้ใครรู้ว่า “ผู้นำองค์กรสีกากี” มีความสำคัญมากแค่ไหน  

……………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

                                                                                                                                               

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img