วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 9, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“เปิดประเทศ” ฟื้นเศรษฐกิจ หรือแค่เรียก “เรตติ้งการเมือง”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เปิดประเทศ” ฟื้นเศรษฐกิจ หรือแค่เรียก “เรตติ้งการเมือง”

นับถอยหลังอีกแค่สัปดาห์เดียว ประเทศไทยก็จะเข้าสู่ “โหมดเปิดประเทศ” ตามที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านทีวี.ก่อนหน้านี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 จะเปิดให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั้งหมด 46 ประเทศ สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวในบ้านเราได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่มีเงื่อนไขจะต้องฉีดวัคซีนครบโดสและเงื่อนไขอื่นๆ เล็กน้อย

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็มีการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวส์ ส่วนร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานบันเทิง ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะอนุญาตให้เปิดบริการได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป

จะเห็นว่าห้วงเวลาในการเปิดเมืองเป็นห้วงเวลา “ไฮซีซั่น” ของฤดูท่องเที่ยว อีกทั้งใกล้ๆ ปลายปี จะมีเทศกาลต่างๆ ตั้งแต่เทศกาลคริสต์มาส ต่อด้วยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เลยไปถึงเทศกาลตรุษจีน ตรงนี้แหละที่รัฐบาลหวังจะหารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศ หลังจากเครื่องยนต์ท่องเที่ยวที่ทำหน้าที่ปั๊มเศรษฐกิจตัวนี้ ช็อตไปดื้อๆ เกือบๆ 2 ปี ตอนนี้ถือเป็นการรีสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่อีกครั้ง

การเปิดประเทศอาจจะดูจะลุกลี้ลุกลนพอสมควร แม้แต่รายชื่อประเทศที่จะเดินทางเข้ามาจากเดิมกำหนดแค่ 10 ประเทศ สุดท้ายเพิ่มเป็น 46 ประเทศ ทั้งที่บางประเทศที่อยู่ในลิสต์รายชื่อ “ฉีดวัคซีน” ต่ำกว่าประเทศไทย บางประเทศยังมีนโยบาย “ห้ามประชาชน” เดินทางออกนอกประเทศ

อาจเป็นเพราะเงื่อนไขทางเศรษฐกิจบีบให้ต้องเปิด ถ้ารัฐบาลยังขืนปิดประเทศยาวกว่านี้ ธุรกิจท่องเที่ยวและห่วงโซ่ที่เกี่ยวเนื่องทั้งหลาย คงล้มหายตายจาก คนที่อยู่ในธุรกิจนี้กว่า 10 ล้านคน คงต้องตกงาน แม้ว่ารัฐบาลตัดสินใจเปิดประเทศ ขณะที่ยังฉีดวัคซีนไม่ได้ตามเป้าหมาย 70% เพื่อให้เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” ก็ตาม

สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่ “ลุงตู่” ยกตัวอย่างในวันแถลง 5 ประเทศ เช่น นักท่องเที่ยวจีน เป็นตลาดใหญ่ของไทย ก่อนโควิดระบาดนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเมืองไทย ปีละเกือบๆ 11 ล้านคน หรือ 30% จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดราวๆ 40 ล้านคน

แต่วันนี้จีนยัง “ปิดประเทศ” รัฐบาลไม่อนุญาติให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศ แม้บางคนจะออกมาได้ แต่กลับไปต้องถูกกักตัวอีก 3 สัปดาห์ คงไม่มีใครอยากมาเที่ยว ไม่คุ้มกับเสียเวลากักตัว ความหวังนักท่องเที่ยวจีนจะมาเที่ยวเมืองไทยคงยาก ต้องรออีกสักระยะกว่าจีนจะเปิดประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงหลังตรุษจีนไปแล้ว หรือกลางปีโน่นเลย

ขณะที่มาเลเซีย รัสเซีย อินเดีย ที่เป็นตลาดหลัก สถานการณ์การระบาดยังสูงอยู่มาก ส่วนนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรป อย่าง เยอรมัน, อังกฤษ หรือแม้แต่สหรัฐฯ จากสถิตินักท่องเที่ยวเหล่านี้ มาเที่ยวเมืองไทยน้อยอยู่แล้ว ประกอบกับก่อนช่วงโควิดระบาด เขามักจะเที่ยวในประเทศใกล้ๆ หรือเที่ยวในยุโรปด้วยกันเองมากกว่า กลุ่มนี้ก็คงไม่มาแน่ๆ

ประเด็นสำคัญขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่า ประเทศไทยเปิดแล้วเขาจะมาเที่ยว ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ยิ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อบ้านเรายังสูง ก็อาจจะทำให้เกิดความลังเลได้ และขึ้นอยู่กับรัฐบาลของประเทศปลายทางด้วยว่า จะมีนโยบายให้คนออกเดินทางนอกประเทศมากแค่ไหน ออกมาเที่ยวแล้วกลับไปถูกกักตัวหรือไม่ เป็นต้น

อันที่จริงคงพอเดาออกว่า เปิดประเทศแล้วจะมีคนมากมาก-น้อยแค่ไหน ย้อนดูตัวเลขนักท่องเที่ยวในโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ก็พอจะเดาถูก ซึ่งตัวเลขที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าต่ำกว่าเป้าถึง 5 เท่า แถมคนในวงการเล่าว่า ตัวเลขที่แถลงนั้น เป็น “ตัวเลขปั้น” ไม่ใช่ตัวเลขจริง เพราะของจริงต่ำกว่านี้มาก

อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศก็มีข้อดีไม่น้อย “ในเชิงจิตวิทยา” สามารถเรียก “ความเชื่อมั่น” จากนักลงทุนได้ สะท้อน “เงินบาทแข็งค่าขึ้น” ทันที หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ เป็นผลมาจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่น เริ่มมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

ที่สำคัญนโยบายเปิดประเทศในเชิงการตลาด ถือเป็นการช่วงชิงโอกาสการตลาด ด้วยการสื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่า ไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว เป็นการ “ปักธง” ไว้ก่อน แม้ว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะไม่ได้คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาก-น้อยแค่ไหน

การเปิดประเทศรอบนี้ คงแค่หวังผลทางการตลาด และเป็นการซ้อมมือไว้ก่อน แต่จะออกดอกออกผลจริงๆ อย่างน้อยก็ราวกลางปี 65 น่าจะเป็นเวลาพอเหมาะพอเจาะกับการฉีดวัคซีนครบโด๊สได้ตามเป้าหมาย และน่าจะเป็นห้วงเวลาการเลือกตั้งใหญ่พอดี

…………………………………..

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img