วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSศึกชิงผู้ว่าฯกทม. ประดาบก็เลือดเดือด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ศึกชิงผู้ว่าฯกทม. ประดาบก็เลือดเดือด

คำยืนยันของคนในรัฐบาล ไล่ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย-วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ย้ำหนักแน่นผ่านการให้สัมภาษณ์และคำยืนกรานต่อที่ประชุมวุฒิสภาของพล.อ.อนุพงษ์ รมว.มหาดไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ที่สามคีย์แมนรัฐบาลย้ำว่า รัฐบาลจะมีมติครม. ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้กกต.กำหนดและประกาศวันเลือกตั้ง “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” รวมถึงสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในเดือนมีนาคมนี้

ทำให้ กกต.สามารถกำหนัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก.ได้ภายในเดือนพ.ค.ปีนี้ รวมถึงการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาและสมาชิกสภาเมืองพัทยาด้วย

ถือเป็นความชัดเจนที่แกนนำรัฐบาลยืนยันต่อสาธารณะ ถึงไทม์ไลน์-โรดแมปการเลือกตั้งท้องถิ่นล็อตสุดท้าย “กรุงเทพมหานคร-พัทยา” หลังมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด-เทศบาล-องค์การบริหารส่วนตำบลไปหมดแล้ว

เมื่อเป็นไปตามนี้ จึงเท่ากับนับจากนี้ ก็เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนกว่าในการรณรงค์หาเสียง ก่อนจะถึงการเลือกตั้ง ที่ช้าสุดก็คงเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพ.ค.65

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร / @MoveForwardPartyThailand

จึงไม่แปลกที่จะทำให้คนที่ประกาศตัวว่า จะลงเลือกตั้งก่อนหน้านี้อย่าง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” จะตัดสินใจลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทันที เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่คิดจะทิ้งทวนการโชว์ตัวรอบสุดท้ายตอนอภิปรายไม่ลงมติ 17-18 ก.พ.

เพราะ “วิโรจน์” และพรรคก้าวไกล รู้ตัวดีว่า เวลาไล่หลังมาเรื่อยๆ ทุกวัน-ทุกสัปดาห์ มีความหมายกับการหาเสียง-วางแผนเลือกตั้ง-ลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีถึง 50 เขต อาณาเขตเลือกตั้งกว้างใหญ่ ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีความหลากหลาย เอาแค่ลงพื้นที่วันละเขตแบบแตะๆ ลงตามถนนใหญ่ๆ ตลาดสดในแต่ละเขต ไม่ต้องถึงกับเข้าตรอกซอกซอย  ก็ใช้เวลาเกือบสองเดือนเข้าไปแล้ว

พรรคก้าวไกล จึงไม่ได้รู้สึกเสียดายกับส.ส. 1 เสียงที่หายไปในสภาฯแต่อย่างใด เพราะมีเป้าหมายใหญ่กว่านั้นในการหวังจะมีลุ้นเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.แม้รู้ดีว่า เป็นรองเต็งหนึ่ง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” หลายช่วงตัวก็ตาม

ขณะที่ “ชัชชาติ-เพื่อไทย” เอง คงมองว่า การที่ “ก้าวไกล” ส่งคนชิงผู้ว่าฯกทม.ยังไง ก็มีผลในการมา “ตัดคะแนน” ของฝ่ายตัวเอง ก็เหมือนกับการเลือกตั้งซ่อมที่หลักสี่ฯ หากไม่มีพรรคก้าวไกลลงแข่ง คะแนนของ “สุรชาติ เทียนทอง” จะลอยลำชนะขาดเหนือผู้สมัครจากพรรคกล้า-พลังประชารัฐ มากกว่าที่เห็นหลายเท่านัก

จึงทำให้ “ชัชชาติ” ต้องวางแผนการหาเสียงที่ต้องเน้นมากขึ้น ในการจะทำให้คนกรุงเทพฯ ที่อาจลังเลว่าจะเลือก “ชัชชาติ” หรือ “วิโรจน์” จากก้าวไกลดี เพื่อให้ตัดสินใจง่ายขึ้น ที่จะเลือกฝ่ายทีมชัชชาติ 

นี่ขนาดแค่รัฐบาลส่งสัญญาณไฟเขียว ให้มีการเลือกตั้งฯ ยังเริ่มเค้าลาง การแข่งขันที่สนุกเข้มข้น ถึงเพียงนี้ แบบนี้ พอไปถึงตอนช่วงหาเสียงเลือกตั้งตั้งแต่เม.ย.-พ.ค.

รับรอง “ดีกรีการหาเสียง” ดุเดือดเลือดพล่านกว่านี้อีกเยอะ

เพราะแม้ “เพื่อไทย” จะใช้วิธี ไม่ส่งคนลงชิงผู้ว่าฯกทม. แต่จะหนุนหลัง “ชัชชาติ” ที่เป็นอดีตแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยตอนหาเสียงเลือกตั้งปี 2562

ทว่า “เพื่อไทย” ก็ใช่ย่อย เพราะในส่วนของ สนามส.ก. 50 เขต ที่จะเป็นฐานเสียงที่สำคัญในระดับท้องถิ่นทั่วกรุงเทพฯ อีกทั้งส.ก.คือฝ่ายที่จะไปสนับสนุนการทำงานของผู้ว่าฯกทม.เพื่อให้การทำงานของกทม.มีความราบรื่นโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณบริหารกทม. ก็ชัดแล้วว่า “เพื่อไทย” จะส่งคนลงชิงชัยแน่นอน ขณะที่ฝ่าย “ก้าวไกล” พบเช่นกันว่า จะส่งคนลงชิง ส.ก.เช่นกัน และหวังจะชนะไว้หลายเขตด้วย

โดยต้องไม่ลืมว่า “เพื่อไทย-ก้าวไกล” แม้ในทางการเมืองจะเป็นฝ่ายค้านเหมือนกัน แต่ในระดับการหาเสียงเชิงพื้นที่ “ก้าวไกล” ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของ “เพื่อไทย” มาตลอด เพราะ 2 พรรคนี้ มีฐานเสียง-กลุ่มเป้าหมายทางการเมืองเดียวกัน จึงทำให้ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” มักขบเหลี่ยมกันมาตลอด ดูได้จากตอนหาเสียงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ฯ บางเวทีหาเสียง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ก็ปราศรัยพาดพิงกันไปมาหลายรอบ     

นี่ขนาดยังไม่ขึ้นชกยกหนึ่ง ยื่นใบสมัคร ก็เห็นความเข้มข้นมาแต่ไกลแล้ว

แล้วไหนจะมีกรณี “คณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตเเละประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร” เข้ามาสอดแทรกกลางสถานการณ์ ด้วยการเข้าไปตรวจสอบข้อร้องเรียนการบริหารงานและเรื่องทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติของ ดร.เอ้-สุชัชวีร์  สุวรรณสวัสดิ์” อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  และว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

จนทำให้คนในพรรคปชป.ออกมาโวยวายยกใหญ่ว่า ถูกฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล กำลังเดินเกม “ดิสเครดิต” ประชาธิปัตย์และดร.เอ้  ที่เป็นคู่แข่งขันกับ “วิโรจน์” ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล

จนทำให้ สุดท้าย “ธีรัจชัย พันธุมาศ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เป็นคนเปิดเกมนี้ต่อสื่อ ทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทำนองไม่ไหว เลยประกาศจะขอถอนตัวจากการคุมทีมกมธ.สอบเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง การที่ “ดร.เอ้” ถูกกมธ.ของสภาฯ เข้ามาตรวจสอบย้อนหลังการบริหารงาน สจล. ในช่วงที่เปิดตัวลงหาเสียง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังไงก็มีผลต่อภาพลักษณ์ การหาเสียงของดร.เอ้และทีมหาเสียงของประชาธิปัตย์แน่นอน

เพราะที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของดร.เอ้ ในฐานะนักวิชาการ-ผู้บริหารสถาบันการศึกษา เรียกได้ว่า โปร์ไฟล์บวกมากๆ ในความรู้สึกของหลายคน กับการเป็นนักวิชาการที่ขึ้นถึงตำแหน่งสูงสุดในฝ่ายบริหารของสจล.อย่างรวดเร็วในช่วงอายุแค่ประมาณ 44 ปี และเป็นอธิการบดีมาหลายปี คือตั้งแต่ 2558 จนมาลาออกเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อมาลงชิงผู้ว่าฯกทม. อีกทั้งยังผ่านตำแหน่งสำคัญๆในแวดวงวิชาการและวงการวิศวกรรมมาแล้วมากมาย เช่น นายกสภาวิศวกร-ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย

พอมาเจอ “รับน้องการเมือง” เข้าแบบนี้ ดร.เอ้และทีมงานหาเสียง คงกำลังพลิกตำรารับมืออยู่ รวมถึงการเตรียมข้อมูลชี้แจงกับกมธ.ปปช.และต่อสังคม กับประเด็นที่ถูกกมธ.ปปช.ตั้งข้อสงสัยตามที่มีการร้องเรียน

ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดซื้อจัดจ้างของสจล.ที่เกี่ยวข้องกับโครงการในกรุงเทพมหานครในหลายส่วน ที่คนในกมธ.ฯอ้างว่า ผู้ใกล้ชิดกับ “ดร.เอ้-สุชัชวีร์” อาจเข้าไปมีหุ้นส่วนกับโครงการต่าง ๆ ใน กทม.หรือไม่ รวมถึงบอกว่า จากการตรวจสอบบัญชีหนี้สินและทรัพย์สินเบื้องต้นของดร.เอ้ มีหลายส่วนที่น่าสังเกต เช่น อัตราการเพิ่มของเงินเดือน และอัตราเบี้ยประชุม อีกจำนวนหลายล้านบาท รวมถึงการโอนที่ดินจากมารดามายังดร.เอ้ เป็นต้น

เรื่องนี้ คนในพรรคปชป.คงซีเรียสกันไม่น้อย และคงต้องการให้ กมธ.ปปช. จบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด คือเคลียร์ให้ชัดออกมาโดยเร็วว่า สุดท้ายแล้ว พบอะไรผิดปกติหรือไม่ หากไม่พบ ก็ต้องรีบแถลงสรุปออกมา เพื่อทำให้เรื่องนี้จบสิ้้นกระแสความโดยเร็ว และไม่ถูกขยายผลจนกลายเป็นประเด็นลดเครดิต “ดร.เอ้” ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

เพราะหากขืน กมธ.ฯลากยาว ปล่อยให้กลายเป็นเรื่องที่สอบไม่เสร็จไม่สิ้น ปล่อยเรื่องให้ค้างคาไว้ในกมธ.ฯ หลังเปิดประเด็นออกมาแล้ว แต่ถ้าเรื่องไม่จบ มันจะกลายเป็นเรื่องที่คนกทม.ตั้งคำถาม ถึงปูมหลังของ “ดร.เอ้” ก่อนจะมาลงเลือกตั้ง

ที่ย่อมไม่เป็นผลดีต่อ “ดร.เอ้และปชป.” รวมถึงแม้แต่กับตัวผู้สมัครส.ก. ของปชป.ทั้ง 50 เขตที่เปิดตัวไปแล้วพร้อมกับดร.เอ้ แน่นอน

อย่างที่บอกนี้ขนาดยังไม่ทันสั่นกระดิ่ง เริ่มยกหนึ่ง ศึกเลือกตั้งชิงเก้าอี้ ผู้ว่าฯกทม.-บิ๊กเสาชิงช้า แต่แค่เริ่มประดาบก็เลือดเดือดกันแล้ว

………………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img