วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSชะตา‘ประชาธิปัตย์’ 78 ปี รุ่ง หรือ..!?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ชะตา‘ประชาธิปัตย์’ 78 ปี รุ่ง หรือ..!?

78 ปี “ประชาธิปัตย์” ผ่านร้อนผ่านหนาว เผชิญมรสุมมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงคราวชี้ชะตาตัวเอง ในวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค.66 ประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

เพื่อ เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ หัวหน้าพรรคคนใหม่ หลัง “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แสดงสปริตลาออกจากหัวหน้าพรรคทันที ที่ผลการเลือกตั้งปี 66 ไม่เป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้

กก.บห.และแม่ทัพคนใหม่ ภาระหนักอึ้งเหมือนเข็นภูเขาถมทะเล ฟื้นฟูพรรค ปลุกอุดมการณ์ให้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง จะเป็นใครบ้าง ต้องถามใจองค์ประชุมผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวน 374 คน

อาทิ กก.บห.ชุดรักษาการ อดีตเลขาธิการพรรค 25 ส.ส. ที่เพิ่งที่ได้รับการเลือกตั้ง อดีตรมต.19 คน อดีตส.ส.ที่เป็นสมาชิก 85 คน ผู้บริหารท้องถิ่นที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค หัวหน้าสาขาพรรค หรือตัวแทนประจำจังหวัด

ก่อนถึงวันดีเดย์ เริ่มปล่อยข่าวโยนหินถามทาง แน่นอนผู้กุมอำนาจภายในพรรคเบ็ดเสร็จอย่าง

“เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค เจอลองของว่า ล็อกสเปก “หัวหน้าพรรค-กก.บห.” ชุดใหม่เรียบร้อย

แม้ “ผู้มากบารมี” ออกมาปฏิเสธ ใช้จังหวะนี้ดีดปากคนปล่อยข่าวเผาบ้านตัวเอง การันตีไม่มีใครทรยศ

หลักการ-อุดมการณ์ พร้อมทิ้งทุ่น “ทุกคนภายในพรรคเห็นต้องการ คือต้องการเปลี่ยนแปลง”

เฉลิมชัย ศรีอ่อน

แต่ก่อนหน้านั้น “เชาว์ มีขวด” อดีตรองโฆษกพรรค ชิงหักเหลี่ยมโหดคนที่กำลังเตรียมการทรยศพรรค ทำจดหมายเปิดผนึกถึงพรรค เตือนสติสมาชิกถอยสักก้าวเพื่อถอดบทเรียน

โดยยอมรับแบบแมนๆ ถึงความตกต่ำดิ่งลงใต้ก้นมหาสมุทรของประชาธิปัตย์ และชี้ให้เห็นถึงอุดมการณ์ที่เป็นจุดแข็งที่สุด กำลังถูกตั้งคำถามจากแฟนคลับ

นับจากที่ประชาธิปัตย์ตัดสินใจมีมติร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สวนทางคำมั่นที่ “พี่มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ

ประชาธิปัตย์ร่วมหอลงโลงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ “พี่มาร์ค” รักษาจุดยืนทางการเมือง ลาออกจากส.ส. และยังข้อคิดให้ลูกพรรค “สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามติพรรค คือสัญญาประชาคม”

นับเป็นการรักษาเกียรติภูมิไม่เฉพาะตัวเอง แต่เป็นเกียรติภูมิของตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตามคำขวัญของพรรค “สจฺ จํ เว อมตา วาจา” ต้องรักษาคำพูด และรับผิดชอบกับคำพูดที่กล่าวให้ไว้กับพี่น้องประชาชน

ตรงกับชื่อพรรค “ประชาธิปัตย์ Democrat” ที่หมายถึง “ประชาชนเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย” ตลอดเส้นที่เดินนับว่าเคียงคู่ประชาชนบนวิธีทางประชาธิปไตย

โดยเฉพาะช่วงตอกเสาเข็มสร้างพรรค ปลูกต้นกล้า “เสรีประชาธิปไตย” ต่อต้าน “เผด็จการ” แม่ทัพใหญ่ก็มีที่มีหลากหลาย ไม่ผูกขาดตระกูลใดตระกูลหนึ่งขึ้นมานำ ตั้งแต่ “ควง อภัยวงศ์-ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช-พ.อ.ถนัด คอมันตร์-พิชัย รัตตกุล-ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

ช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อชนิดก้าวพลาดพรรคดับ เดินถูกพรรคฟื้น และบรรดาสมาชิกพรรคภูมิใจมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ไม่ได้เป็นเหมือนพรรคเฉพาะกิจ ตั้งขึ้นมาเสร็จกิจก็ดับสูญตามตัวบุคคล

วันนี้ 25 ส.ส.ประชาธิปัตย์ มีน้ำหนักโหวต 70% ขององค์ประชุม 374 คน ซึ่งเฉลี่ย 1 เสียงของส.ส.มีค่าเกือบ 3% ขององค์ประชุมใหญ่

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ถึงเวลาแล้วที่สมาชิกพรรคใช้หัวใจมองให้ทะลุมิติว่า พรรคเก่าแก่เป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เป็นที่พักพิงให้ประชาชนมายาวนาน

หากอ่านเกมขาด ย่อมกลับไปจุดประกายฟื้นศรัทธาที่ประชาชนไว้วางใจได้ไม่ยาก โดยถอดบทเรียนในยามที่สถานการณ์การเมืองดิสรัปชัน ต้องปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่

ทุกคนต้องยอมกลืนเลือด เฟ้นหา “ผู้นำทางการเมือง” ที่มีประสบการณ์ มีบารมี มีความรู้ ความสามารถ ขึ้นมานำทัพ โดยต้องเป็นฉันทามติก่อนนำเข้าที่ประชุมใหญ่  และถอยฉากกลับมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์แบบ

หากปล่อยให้ บ้านใหญ่” กุมชะตา และดี๊ด๊า ดิ้นร่วมรัฐบาลให้ได้ รับรองการเลือกตั้งครั้งต่อไป บนแผนที่ประเทศไทยหาชื่อ “พรรคประชาธิปัตย์” ไม่เจอ

………………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มชั้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img