วันอังคาร, เมษายน 30, 2024
หน้าแรกNEWSกรมฝนหลวงฯ เตรียมทำฝนเทียมบรรเทาวิกฤตภัยแล้งทั่วประเทศ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กรมฝนหลวงฯ เตรียมทำฝนเทียมบรรเทาวิกฤตภัยแล้งทั่วประเทศ

“สุพิศ” สั่งรับมือสถานการณ์ “เอลนีโญ” เร่งทำฝนในช่วงปลายฤดูฝน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง บริเวณทุ่งกุลาร้องไห้-ภาคเหนือตอนล่าง – ภาคกลาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อน-อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ



นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก ทำให้ในหลายพื้นที่มีความต้องการน้ำเพื่อการเกษตรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่อาศัยน้ำฝนมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย ประกอบกับน้ำต้นทุนในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ รวมถึงแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีปริมาณลดน้อยลง

นอกจากนี้ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า สถานการณ์ “เอลนีโญ” มีแนวโน้มแรงขึ้นในช่วงปลายปี 2566 และต่อเนื่องจนถึงปี 2567 กรมฯ ได้สั่งการให้มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ จำนวน 11 หน่วยปฏิบัติการ เพื่อเร่งทำฝนในช่วงปลายฤดูฝน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง บริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ที่เป็นที่ราบขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 2 ล้านไร่ ในรอยต่อ 5 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และยโสธรซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกษตรกรมีการเพาะปลูก ข้าวนาปีและเป็นช่วงที่ข้าวมีความต้องการน้ำมาก

รวมถึงนาข้าวในภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง รวมถึงสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งของภาคใต้ ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร พร้อมปฏิบัติการทำฝน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ

ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนก.ย. เป็นต้นไป หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศทั้ง 11 หน่วยฯ จะสามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ดังนี้

ภาคเหนือ มี 3 หน่วย ที่ จ.เชียงใหม่ ใช้เครื่องบินขนาดกลาง จำนวน 2 ลำ จ.ตาก ใช้เครื่องบินขนาดกลาง จำนวน 2 ลำ และ จ.พิษณุโลก ใช้เครื่องบินขนาดกลาง จำนวน 2 ลำ และเครื่องบิน Super King Air 350 จำนวน 1 ลำ

ภาคกลาง มี 2 หน่วย ที่ จ.ลพบุรี ใช้เครื่องบินขนาดกลาง จำนวน 2 ลำ และ จ.กาญจนบุรี ใช้เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 2 ลำ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 3 หน่วย ที่ จ.ขอนแก่น ใช้เครื่องบินขนาดกลาง จำนวน 1 ลำ และขนาดใหญ่ 1 ลำ จ.นครราชสีมา ใช้เครื่องบินขนาดใหญ่จำนวน 1 ลำ และ จ.สุรินทร์ ใช้เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 3 ลำ

ภาคตะวันออก มี 1 หน่วย ที่ จ.ระยองใช้เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 3 ลำ

ภาคใต้ มี 2 หน่วย ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ใช้เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 2 ลำ และ จ.นครศรีธรรมราช ใช้เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 2 ลำ

การปฎิบัติการฝนหลวงในครั้งนี้ได้นำเทคนิคตามตำราฝนหลวงพระราชทานมาช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์เอลนีโญ่ที่มีความชื้นในอากาศต่ำ ซึ่งทำให้กระบวนการเจริญเติบโตของเมฆและการกระจายของเมฆต่ำ ทำให้มีปริมาณน้ำฝนน้อย และเน้นการปฎิบัติการขั้นตอนเลี้ยงให้อ้วน แม้ว่าจะมีการกระจาย หน่วยฝนหลวงให้มีจำนวนมากเพื่อเพิ่มพื้นที่ช่วยเหลือให้มากขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดของจำนวนอากาศยาน จึงใช้วิธีบูรณาการ เพื่อเพิ่มจำนวนอากาศยานให้มีสมรรถนะที่เหมาะสม ตามตำราฝนหลวงพระราชทาน ด้วยการปฎิบัติการและใช้อากาศยานร่วมกันของ หน่วยต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณฝนให้ตกมากในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด จัดหาแหล่งเก็บกักน้ำหรือภาชนะสำรองน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ประชาชน พี่น้องเกษตรกร สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารแจ้งสถานการณ์ความต้องการน้ำเพื่อขอรับบริการฝนหลวงได้เป็นประจำทุกวันที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาค อาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ หน่วยงานอำเภอ และจังหวัด

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img