“อาคม” สั่งกรมศุลกากรตรวจตราเข้มงวดคนต่างชาติเดินทางเข้าไทย หวั่นใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน หลังลักลอบขนเงินผ่านสนามบินเป็นจำนวนมาก
นายอาคม พิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมศุลกากรเข้มงวดต่างชาติที่นำเงินสดเข้ามาไทยผ่านสนามบินอย่างเข้มงวด เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีการมีขบวนการลักลอบขนเงินสดเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้จะแฝงตัวเดินทางเป็นนักท่องเที่ยว โดยมีพฤติกรรมเหมือนการลักลอบขนยาเสพติด
“ที่ผ่านกรมศุลกากรก็มีการทำงานที่เข้มงวดมาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องลักลอบนำเข้าเนื้อหมู หรือ ยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งกรมศุลกากรก็ได้รายงานว่า กำลังอยู่ในระหว่างประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการป้องกันการกระทำผิดในเรื่องดังกล่าว”
รายงานข่าวแจ้งว่า การลักลอบนำเข้าเงินสดในประเทศไทย กรมศุลกากรจับกุมได้เกือบทุกวัน หรือมีสถิติการจับกุมเพิ่มขึ้นหลักพันเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปิดประเทศจากโควิดคลี่คลาย โดยผู้ที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีการขนเงินสดหลากหลายสกุลเงิน ทั้งเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร เงินเยน เป็นต้น
กรณีล่าสุด กรมศุลกากรพบว่า ชาวต่างชาติขนเงินสกุลเยนเข้าประเทศไทยราว 50 ล้านเยน โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่จะซุกซ่อนเงินสดเหล่านี้ คล้ายกับการลักลอบขนยาเสพติด คือ การปรับปรุงภายในกระเป๋าเดินทาง ตามขอบกระเป๋า เพื่อทำช่องลับและซุกเงินลงไป
หลังจากนั้นจะจะกลบเกลื่อนด้วยเสื้อผ้า หรือของใช้ทั่วไป แสดงถึงเจตนาชัดเจนว่า ต้องการหลบ หรือซ่อนเงินสดไว้และอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการฟอกเงิน ซึ่งของหรือเงินสดที่ถูกซุกซ่อนไว้ สามารถตรวจจับได้ด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ ค่อมสายพานขนกระเป๋าของกรมศุลกากรได้
ทั้งนี้ปัจจุบันพิธีการกรมศุลกากรได้กำหนดว่า บุคคลธรรมดา หรือนักท่องเที่ยวสามารถ นำเงินสกุลบาทติดตัวเข้าหรือออกไปยังต่างประเทศได้ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาท แต่หากเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย เช่น ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ มาเลเซีย เวียดนาม และจีน (เฉพาะมณฑลยูนนาน) สามารถนำเงินสกุลบาท ติดตัวออกไปได้มีมูลค่าเกินกว่า 450,000 บาทแต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท โดยหากเกินกว่าที่กำหนดต้องสำแดงรายการเงินตราไทยนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ขณะผ่านด่านศุลกากร
ส่วนสกุลเงินต่างประเทศการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เงินตราไทยมูลค่าไม่เกิน 450,000 บาท เงินตราต่างประเทศไม่เกิน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากบุคคลใดนำเงินตราต่างประเทศที่เป็นธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ออกไปนอก หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีมูลค่ารวมกันเกินกว่าที่กำหนดหรือเทียบเท่า ต้องสำแดงรายการเงินตราต่างประเทศนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ขณะผ่านด่านศุลกากร
สำหรับบทลงโทษของการลักลอบนำเข้า หรือออก เงินสดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรมศุลกากร คือโทษปรับ โดยปรับเพียง 10% จำนวนเงินส่วนที่เกินกำหนด แล้วคืนเงินให้กับผู้ที่โดนโทษปรับไป ส่วนข้อมูลการจับกุมการลักลอบขนเงินสดเข้าหรือออกประเทศ กรมศุลกากรก็จะรายงาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งกรณีผู้กระทำชาวต่างชาติก็จะติดตามดำเนินคดียาก
อย่างไรก็ตาม บทลงโทษกรณีการลักลอบขนเงินสดนั้น เบากว่าการลักลอบขนสินค้า เนื่องจาก กรณีของสินค้านั้น หากกรมศุลกากรจับกุมได้ ก็จะมีโทษปรับเป็นมูลค่า 2 เท่าของสินค้า ส่วนสินค้าผิดกฎหมายก็จะยึดของกลาง และนำไปสู่กระบวนการทำลายต่อไป ดังนั้น กรมศุลฯ กำลังแก้ระเบียบการปรับให้หนักขึ้น เช่น การยึดเงินสดทั้งจำนวน เป็นต้น และประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าการขนเงินสดนั้น เป็นขบวนการฟอกเงินหรือไม่
