วันพุธ, พฤษภาคม 1, 2024
หน้าแรกHighlightผู้ถือหุ้น SPRC เคาะซื้อ“คาลท็กซ์” มูลค่า 5.56 พันล้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผู้ถือหุ้น SPRC เคาะซื้อ“คาลท็กซ์” มูลค่า 5.56 พันล้าน

ที่ประชุมผู้ถือหุ้น SPRC ไฟเขียว เข้าซื้อธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 5.56 พันล้านบาท คาดธุรกรรมแล้วเสร็จปี 67

นายโรเบิร์ต โจเซฟ โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2566เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ได้มีมติอนุมัติธุรกรรมการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตลอดจนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3ใน4 ของจำนวนเสียงผู้ที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย โดยที่ประชุมเห็นด้วย 922,543,123 เสียง คิดเป็นร้อยละ 99.5965 ไม่เห็นด้วย 381,941 เสียง คิดเป็นร้อยละ 0.0412 งดออกเสียง 3,325,008 เสียง คิดเป็นร้อยละ 0.3589 และบัตรเสีย 29,901 เสียง คิดเป็นร้อยละ 0.0032

โดย Chevron SouthAsia Holdings Private Limited ซึ่งถือหุ้นของบริษัทฯจำนวน2,625,888,656 หุ้นคิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 60.56 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ มิได้ออกเสียงลงคะแนนในวาระนี้ ซึ่งกระบวนการควบรวมธุรกิจจะดำเนินการภายในช่วง 10 – 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งคาดว่าการทำธุรกรรมต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2567

นายโรเบิร์ต กล่าวว่าการเข้าลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ SPRC ในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่คุณค่าที่จะทำให้ SPRC สามารถให้บริการลูกค้าในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้นผ่านการตลาดและจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูงของบริษัทฯ

การลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการรวมสินทรัพย์ในทำเลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ได้แก่ คลังน้ำมันเชื้อเพลิง และสถานีบริการน้ำมันจำนวน 427 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยพันธมิตรทางธุรกิจมืออาชีพ และ SPRC จะยังคงจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพภายใต้แบรนด์ คาลเท็กซ์ และ เทครอน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจและอยู่เคียงคู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

สำหรับการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจการกลั่นและการตลาดได้ครบวงจรมากขึ้น ควบคู่กับการมอบประสบการณ์และบริการให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มทักษะความรู้ความสามารถของพนักงานให้มีความพร้อมในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตในระยะยาวต่อไป

นายแบรนท์ ฟิช ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์สากล กล่าวว่า เชฟรอน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SPRC ในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 เล็งเห็นว่าการทำธุรกรรมในครั้งนี้จะเป็นการรวมธุรกิจการกลั่นเชื้อเพลิงปิโตรเลียมและการตลาดในประเทศไทยให้มาอยู่ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการเดียวกัน อีกทั้ง SPRC เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการบริหารจัดการโดยอิสระ จึงทำให้ SPRC สามารถสร้างโอกาสในการเติบโตและสร้างผลกำไร ซึ่งจะส่งผลให้เชฟรอนมีความสามารถในการแข่งขันในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นผ่านการดำเนินธุรกิจของ SPRC

ทั้งนี้  SPRC จะดำเนินการเข้าซื้อธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ ของ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด มูลค่าการลงทุน 155.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 5,562.5 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าธุรกิจ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 3,212.4 ล้านบาท และมูลค่าเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 เท่ากับ 2,350.1 ล้านบาท หรือเท่ากับ 65.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนครั้งนี้ ประกอบด้วยธุรกรรมดังนี้

1.เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายบผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จาก (1) Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL) (2) CT Nominee Holdings (I) LLC (CTN1) และ (3) CT Nominee Holdings (II) LLC (CTN2) ค่าตอบแทน 16.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 599.6 ล้านบาท

2.เข้าซื้อหุ้นสามัญ 2,877,500 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 5,528,430 หุ้น ของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) คิดเป็นสัดส่วน 9.91% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด จาก CAPHL โดย Thappline ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดจำหน่ายน้ำมันทางระบบท่อส่ง ค่าตอบแทนที่ต้องชำระ 45.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 1,606.2 ล้านบาท

3. เข้าซื้อหุ้นและให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยหนึ่งในบริษัทใหม่ดังกล่าวจะเข้าซื้อที่ดิน 19 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากบริษัท สตาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (SHC) รวมเงินกู้ที่จะให้แก่หนึ่งในบริษัทใหม่รวมเป็นจำนวนไม่เกิน 28.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 1,006.6 ล้านบาท

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img