“สารวัตรปุ้ย” ลูกชายพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ อดีตรองผบ.ตร. เปิดตัวยอมรับติดเชื้อโควิด-19 จริง แต่ออกตัวโวย “กทม.” กลับออกข่าวตอนแรกว่า ปกปิดข้อมูล ตั้ง 4 คำถามข้องใจการทำงาน เย้ยควรเปลี่ยนคำที่ใช้จาก “ปกปิดข้อมูล” เป็น “อยู่ในระหว่างสืบสวน”
กรณีมีกระแสข่าวว่า มีข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งสารวัตร ดีกรีลูกชายอดีตบิ๊กข้าราชการระดับสูง ติดเชื้อโควิด-19 และมีการปกปิดข้อมูล โดยอ้างว่า ผู้ป่วยไม่ยอมให้ข้อมูล ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องกันพื้นที่ในส่วนของอาคารที่สารวัตรรายนี้ทำงานอยู่ แล้วทำการตรวจพ่นฆ่าเชื้อ พร้อมสั่งปิดจุดบริการตรวจสอบทะเบียนประวัติสำหรับประชาชน และมีการสอบถามกันมากว่า สารวัตรคนดังกล่าวคือใคร เป็นบุตรชายของใคร
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 พ.ต.ต.มงคลรักษ์ จุฑานนท์ หรือ “สารวัตรปุ้ย” สารวัตรสังกัดกองทะเบียนประวัติอาชญากร บุตรชายของพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ อดีตวุฒิสมาชิกและอดีตรองผบ.ตร. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Superpukpui Jutanont ระบุว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล ก็รับสายโทรศัพท์ไม่หยุด ทั้งกรมสอบสวนโรค กองกักกันโรค แพทย์ พยาบาลอะไรต่าง ๆ รวมไปถึงหน่วยงานต้นสังกัด สอบถามซักประวัติอย่างละเอียด โดยผมได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้วอย่างละเอียด ซึ่งเรียบเรียงแล้วเสร็จส่ง timeline ไปตั้งแต่วันที่ 23 พร้อมส่งต้นสังกัดงาน และยังมีข่าวช่อง 8 และช่อง one 31 ที่โทรมาถามและเราก็ได้ให้ข้อมูลเดียวกันนี้ไป แต่ข่าวที่ กทม. เอามาชี้แจงทำกราฟฟิคนั้น กลับบอกว่า เราปิดบังข้อมูล
คำถามแรก ก็คือว่า ปิดบังข้อมูลยังไง ในเมื่อเราให้ข้อมูลไปหมดแล้วกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่โทรมาหลายสาย
คำถามที่สอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาสอบถามข้อมูลไป ไม่ได้ประสานงานกันกับ กทม. หรือ? ไม่คุยกันหน่อยหรอครับ ?
คำถามที่สาม การที่ช่องข่าวมีข้อมูลของคนไข้ครบ แต่ กทม. กลับไม่มีข้อมูลอะไรเลยนั้น หมายความว่าการทำงานของ กทม. เป็นอย่างไร? อยากให้พิจารณาระบบการทำงานด้วยครับ
คำถามที่สี่ การที่เปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์สะดื้อ ๆ แล้วไม่ชี้แจงอะไรเลย ทำให้ผู้ป่วยรายที่ 658 ตกเป็นจำเลยของสังคม ว่าถูกบีบให้เผยไทม์ไลน์บ้าง แก้ไขเปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์บ้างนั้น เป็นเรื่องที่ชอบธรรมแล้วหรือ? ทาง กทม. ควรอธิบายที่มาที่ไปของข้อมูลชุดแรก ที่ว่าปิดบังข้อมูลหน่อยไหม? ว่ามาจากไหน อย่างไร และข้อมูลชุดใหม่ได้มาอย่างไรตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมได้รับข้อมูลช้ากว่าช่องข่าว เหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรชี้แจงหรือไม่?
ต่อมา พ.ต.ต.มงคลรักษ์ โพสต์แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า… Ok update นะครับ กทม. ได้ออกมาบอกแล้วว่า ทำไมไทม์ไลน์เปลี่ยนไปยังไง ไปติดตามชมไลฟ์ที่ผ่านมาได้ที่เพจของ กทม. นะครับ
ประมาณว่า เค้าให้เหตุผลว่า ข้อมูลที่หายไปเนี่ยคือกำลังอยู่ในการสอบสวนและรวบรวมข้อมูลครับ เค้าก็เลยใส่คำว่า “ปกปิดข้อมูล” ในส่วนนั้นไป ซึ่งในห้องก็มีนักข่าวถามแทนใจผมเหมือนกันครับว่า แบบนี้ควรเปลี่ยนคำที่ใช้มั้ยจาก “ปกปิดข้อมูล” เป็น “อยู่ในระหว่างสืบสวน” อะไรแบบนี้ครับ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะครับ
