วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกNEWSไทยพบ''สายพันธุ์ EG.5.1''แล้ว 5 ราย ยังไม่พบข้อมูลความรุนแรง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ไทยพบ”สายพันธุ์ EG.5.1”แล้ว 5 ราย ยังไม่พบข้อมูลความรุนแรง

สธ.เผยสายพันธุ์ EG.5.1 สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน แล้ว 5 ราย ยังไม่พบข้อมูลความรุนแรง ย้ำยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวพบโควิด 19 สายพันธุ์ EG.5.1 แพร่เร็วกว่า XBB.1.16 นั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ EG.5.1 หรือ XBB.1.9.2.5.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน XBB.1.9.2. มีตำแหน่งกลายพันธุ์เพิ่มเติมบนโปรตีนหนาม คือ S:F456L (กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 456 เปลี่ยนจากฟีนิลแอลานีน เป็น ลิวซีน) และ S:Q52H (กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 52 เปลี่ยนจากกลูตามีน เป็น ฮีสติดีน) ทั้งนี้อัตราการแพร่เชื้อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ในภาพรวมทั่วโลก พบว่า สูงกว่าสายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16* ร้อยละ 45


สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน –  4 กรกฎาคม 2566 พบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด คิดเป็น 13.71% รองลงมาคือสายพันธุ์ XBB.1.9.1 คิดเป็น 8.68% และสายพันธุ์ EG.5.1 คิดเป็น 7.33% 


สถานการณ์ของสายพันธุ์ EG.5.1 ทั่วโลก อ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้ เอเชีย 1,385 ราย ยุโรป 203 ราย โอเชียเนีย 35 ราย อเมริกาเหนือ 360 ราย อเมริกากลาง 4 ราย และอเมริกาใต้ 1 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2566)

 
สายพันธุ์ EG.5.1 ในภูมิภาคเอเชีย พบรายงานจาก 11 ประเทศโดยลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ สาธารณรัฐจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อิสราเอล ลาว อินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย และ อินเดีย สำหรับประเทศไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 จำนวน 5 ราย รายงานครั้งแรกในเดือนเมษายน 2566 จํานวน 1 ราย เดือนพฤษภาคม 2566 จํานวน 3 ราย และเดือนมิถุนายน 2566 จํานวน 1 ราย ทั้งนี้ ยังไม่พบข้อมูลเรื่องการเพิ่มความรุนแรง

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์



นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า สถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันพบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดของประเทศไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 17 – 23 มิถุนายน 2566 ผลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด 19 จำนวน 74 ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม XBB.* 73 ราย (นับรวม XBB.1*, XBB.1.9*, XBB.2.3*, XBB.1.5*, XBB.1.16*) คิดเป็น 98.6% และสายพันธุ์ลูกผสม XBL (XBB.1.5* ผสมกับ BA.2.75*) 1 ราย สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้สองอันดับแรก ได้แก่ สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16* และ XBB.1.9.1* คิดเป็น 56.76% และ 16.22 % ตามลำดับ ซึ่งไม่พบ EG.5.1 ในสัปดาห์นี้

ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการติดตามโอมิครอน จำนวน 8 สายพันธุ์ จากพื้นฐานของข้อมูลการเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรค ได้แก่ สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI) 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16* และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants under monitoring (VUM) 6 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75*, CH.1.1*, XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3*  
ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต” นพ.ศุภกิจ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img