“หมอหนู” โวลั่นไทยมีวัคซีนโควิด 3 ยี่ห้อแล้ว ถ้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มาก แล้วสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ก็พร้อมเปิดประเทศ การันตียี่ห้อไหนผ่าน “อย.ไทย” รับรองปลอดภัยชัวร์ คุยโอ่ “สธ.” ทำงานได้เกินเป้าหมาย ทั้งเรื่องการพัฒนา การเข้าถึงวัคซีน และความรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศว่า มาตรการผ่อนคลายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น จะขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีน จากนี้ถึงอีก 2 เดือนข้างหน้า จะมีการกระจายฉีดวัคซีนเป็นล้านคน ที่ผ่านมาใช้ไปประมาณ 1 ล้านโดส และในเดือนเม.ย.นี้จะมาอีกประมาณ 1-2 ล้านโดส ดังนั้นภายในเดือนพ.ค.นี้ เราจะเริ่มรู้แล้วว่า คนที่ได้รับวัคซีนมีภูมิคุ้มกันระดับไหน ถ้าผลเป็นที่น่าพอใจ ก็จะมั่นใจได้ว่าจะต้องฉีดให้คนจำนวนมาก จากนั้นจะเป็นการผ่อนคลายมาตรการให้เกิดความสะดวกและเป็นปกติมากขึ้น หลักการแรกคือต้องดูความปลอดภัยของประชาชน ปลอดภัยเมื่อไหร่ เปิดเมื่อนั้น ไม่เก็บไว้แน่นอน ส่วนแผนและระยะเวลานั้น ขึ้นอยู่กับความปลอดภัย รวมทั้งการเจรจากับประเทศคู่เจรจาต่างๆ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า หากวัคซีนเข็มแรกที่ฉีดให้กับทุกคนได้ผล มีภูมิคุ้มกันกันหมด จะเป็นตัวชี้วัดได้ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งทำเรื่องนี้อยู่ และกำลังเร่งขึ้นทะเบียนวัคซีน อย่างวันนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนของบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เท่ากับเรามีทางเลือกเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เราไม่ได้มีการปิดกั้นในเรื่องของวัคซีน ตราบใดที่ผู้ผลิตวัคซีนยื่นเอกสารเข้ามา ถ้าทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน เราจะอนุมัติโดยเร็ว วันนี้ประเทศไทยเรามีวัคซีน 3 ยี่ห้อแล้ว ประกอบด้วย ซิโนแวค, แอสตราเซเนกา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ใครสามารถไปเจรจาและเขายอมขายวัคซีนให้ ก็ถือว่ามีความชอบธรรมที่จะนำเข้า แต่เขาจะยอมขายหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง เพราะทุกบริษัทผลิตมาในช่วงภาวะฉุกเฉิน และหากผู้นำเข้ารับสภาพได้ว่า เป็นการนำเข้ามาเฉพาะในภาวะฉุกเฉิน ความรับผิดชอบของผู้ผลิตมีจำกัด ผู้ที่จะมารับขอวัคซีนเองรับสภาพได้ กระทรวงสาธารณสุขก็ไม่มีปัญหา แค่ระบุว่าจะนำเข้ามาและไปฉีดที่โรงพยาบาลใด มีการขอและขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการกับกรมควบคุมโรค เราก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำคุณประโยชน์ให้กับกระทรวงสาธารณสุข เป็นการแบ่งเบาภาระ
นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า เรื่องของวัคซีนแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ การเข้าถึงวัคซีนมีเพิ่มขึ้น แต่เราไปซื้อจำนวนมาก ก็ไม่ได้ เผื่อมีการกลายพันธุ์ ในอนาคตต้องดูวัคซีนที่มีการพัฒนา เราต้องใช้วัคซีนที่เหมาะสมที่สุด ช่วงนี้ต้องใช้สายพันธุ์นี้ไปก่อน อย่างไรก็ตาม มันไม่มีวัคซีนใดที่ดีที่สุดในโลก มีแต่วัคซีนที่เหมาะ มาถูกเวลา และมีราคาที่อยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ ส่วนใหญ่วัคซีนที่กว่าจะมาถึงมือเรา ใช้เวลามาก และกว่าจะผ่านขั้นตอนของ อย.ไทย ยากเย็นแสนเข็ญ ดังนั้นหากอนุญาตให้มาใช้ได้ แสดงว่ามีความปลอดภัยขั้นสูงสุดแล้ว สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมา ถือว่าเกินเป้าหมาย ทั้งเรื่องการพัฒนา การเข้าถึงวัคซีน และความรวดเร็ว เกินคาดกว่าที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าไว้ วันนี้ปัญหาที่ต้องทำให้เร็วที่สุด คือการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ยิ่งฉีดได้มาก ฉีดได้เร็ว และมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้เปิดประเทศได้เร็ว วันนี้ทางสถานเอกอัครราชทูตก็เริ่มมาพูดคุยกันแล้วในเรื่องการพิจารณาการเข้าประเทศ
