สธ. รับโควิดคลัสเตอร์สถานบันเทิงกทม. คุมยากกว่าตลาดกลางกุ้ง ย้ำการควบคุมโรคไม่ได้รอแค่ไทม์ไลน์จากผู้ติดเชื้อ แต่ต้องสอบสวนโรคกำหนดกรอบการทำงานให้ชัดเจน
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า เนื่องจากมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนสถานบันเทิง และกระจายในหลายจังหวัด ที่ประชุม EOC กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอให้มีการปิด สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานประกอบการกิจการอาบ อบ นวด ใน 41 จังหวัดอย่างน้อย 14 วัน อย่างไรก็ตาม ร้านอาหาร เปิดได้ ร้านนวดเพื่อสุขภาพยังสามารถเปิดได้
ส่วนจังหวัดอื่นๆ ก็ขอให้ระมัดระวังอย่างเข้มข้น ขอให้ อสม.ช่วยกันสอดส่องดูแลผู้เดินทางเข้าออกภายในพื้นที่ มีการเคาะประตูบ้านให้คำแนะนำผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอให้มีการจัดระบบเฝ้าระวังผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง หากเป็นไปได้ขอให้มีการตั้งด่านตรวจผู้สัญจร และตรวจสอบสถานที่เสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่เช่นสถานบันเทิง ร้านอาหาร สนามชนวัว สนามชนไก่ รวมถึงระบบขนส่งภายในพื้นที่ และพิจารณาจัดกิจกรรมในชุมชนให้เหมาะสม ขอให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพราะทำให้ครองสติไม่ได้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิดได้
เมื่อถามว่าการระบาดครั้งนี้ถือว่ารุนแรงสุดเท่าทีมีโควิดระบาดในประเทศไทยหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การระบาดในกลุ่มก้อนสถานบันเทิงคล้ายระยะแรกเมื่อปี 63 แต่ครั้งนั้นเจอเคสน้อย ส่วนส่วนการระบาดที่สมุทรสาครก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งควบคุมได้ไม่ยากนักเพราะมีลักษณะเป็นจอมปลวกที่สามารถตีกรอบได้ แต่การระบาดในสถานบันเทิงรอบนี้ถือว่าควบคุมยากที่สุดเพราะจับได้ยากจับไม่อยู่
อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากรณีที่กระจายไปในต่างจังหวัดตอนนี้ เรายังเชื่อว่าจังหวัดจะควบคุมอยู่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการควบคุมราว 1-2 เดือน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือสุดคือกรุงเทพมหานคร ก็ขึ้นอยู่กับมาตรการที่จะนำมาใช้ในการควบคุม เบื้องต้นก็จึงต้องแนะนำประชากรที่อยู่ในพื้นที่กทม. ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นทั้งการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะ ห่างล้างมือบ่อยๆ
เมื่อถามว่าขณะนี้มีการปกปิดข้อมูลหรือบอกข้อมูลไม่หมดจำนวนมากจะทำให้เสียโอกาสในการควบคุมโรคช้าลงหรือไม่ นพ. เกียรติภูมิ กล่าวว่าในการควบคุมโรคนั้นเราไม่ได้รอประวัติหรือไทมไลน์ จากผู้ติดเชื้ออย่างเดียว แต่ในทุกครั้งที่พบการติดเชื้อเราจะตีกรอบและเข้าไปควบคุม ตามข้อมูลอื่นๆ ที่มีการสอบสวนโรคพบอยู่แล้ว แต่การให้ข้อมูลจากผู้ติดเชื้อก็จะทำให้การสอบสวนโรคทำได้ง่ายขึ้น.
