วันอังคาร, เมษายน 30, 2024
หน้าแรกHighlight'โควิด 19' การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามวิวัฒนาการ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘โควิด 19’ การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามวิวัฒนาการ

“หมอยง” ให้ความรู้ปชช. แจกแจงสายพันธุ์ต่างๆ ของไวรัสก่อโรคโควิด 19 ไล่เรียงตั้งแต่ สายพันธุ์ S-สายพันธุ์ L-สายพันธุ์ G-สายพันธุ์ V-สายพันธุ์ GH-สายพันธุ์ GV-สายพันธุ์ GR รวมถึงสายพันธุ์ที่อังกฤษและแอฟริกาใต้ ที่กำลังระบาดในแต่ละพื้นที่ของโลก แต่ยืนยันการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมไม่เกี่ยวกับระบบภูมิต้านทาน “วัคซีน” ที่อยู่ยังมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.63 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ในหัวเรื่อง “โควิด 19 การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามวิวัฒนาการ” มีเนื้อหาที่ให้ความรู้ดังนี้…ไวรัสก่อโรค covid-19 เริ่มต้นจากประเทศจีน จะมี 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ S (Serine) และ สายพันธุ์ L (Leucine) และเมื่อระบาดมาสู่นอกประเทศจีน สายพันธุ์ L แพร่กระจายได้ดีกว่าและแบ่งลูกหลานออกเป็น สายพันธุ์ G (Glycine) และสายพันธุ์ V (Valine)

สายพันธุ์ G มีวิวัฒนาการได้มากกว่า แพร่กระจายโรคได้มากกว่า จึงพบส่วนใหญ่ในขณะนี้

สายพันธุ์ G ได้แพร่กระจายลูกหลาน เป็น สายพันธุ์ GH (Histidine) GR (Arginine) และ GV (Valine) ขณะนี้สายพันธุ์ GV มีเป็นจำนวนมาก

การระบาดในประเทศอินเดีย ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ GR แต่ก็มีสายพันธุ์ GH ได้ แต่น้อยกว่า

ไม่พบการศึกษาสายพันธุ์ในประเทศพม่า แต่เข้าใจว่า เมื่อระบาดที่ประเทศพม่าส่วนใหญ่จะเป็น GH เพราะสายพันธุ์ที่พบ จากคนไทยผ่านแดนมาจากพม่า เราตรวจพบเป็นสายพันธุ์ GH ทำนองเดียวกันสายพันธุ์ที่สมุทรสาครก็เป็นสายพันธุ์ GH

นอกจากสายพันธุ์แล้ว ขณะนี้ที่พูดถึงกันมาก ถึงสายพันธุ์ของอังกฤษ และ แอฟริกาใต้ คือการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ในบริเวณหนามแหลมหรือสไปรท์ (Spike) ที่ยื่นออกมาจากตัวไวรัส โดยเฉพาะส่วนที่จะมายึดติดกับเซลล์ของมนุษย์ ที่เรียกว่าตัวรับ หรือ ACE2 ในตำแหน่ง กรดอะมิโนที่ 501 โดยแต่เดิมแอสพาราจีน ? เปลี่ยนเป็นไทโรซีน (Y) และเข้าใจว่า จะทำให้การเกาะได้ดีขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงอีกตำแหน่งหนึ่งที่จะทำให้ระบบ enzyme ตัดส่วนสไปรท์ ให้ไวรัสเข้าเซลล์ได้ดีขึ้น

รวมทั้ง การศึกษาทางด้านระบาดวิทยา รายละเอียดทั้งหมดคงจะต้องรอการศึกษาในแนวลึกต่อไป

การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค และไม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทาน ดังนั้นวัคซีนที่ใช้อยู่ในขณะนี้จึงยังมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img