วันอังคาร, เมษายน 30, 2024
หน้าแรกHighlight“คนการเมือง”เชื่อ“หมอหนู”มากกว่า! ฉะ“ธนาธร”รู้ทุกเรื่องยกเว้นความจริง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“คนการเมือง”เชื่อ“หมอหนู”มากกว่า! ฉะ“ธนาธร”รู้ทุกเรื่องยกเว้นความจริง

ขั้วการเมืองดาหน้าถล่มปม “ใครโกหกประชาชน” กันแน่ “หมอวรงค์” เชื่อข้อมูล “หมอหนู” เรื่องการฉีดวัคซีน ชี้อย่าเอาการเมืองมายุ่งกับงานวิจัยทางการแพทย์ ด้าน “ทิพานัน” อัด “ธนาธร” รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นความจริง ชวนทำความดี “ลด-ละ-เลิก” โพสต์และพูดข้อมูลที่บิดเบือน

กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความทางเพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็นเรื่องวัคซีนโควิด-19 และการแสดงความคิดเห็นทางคลับเฮาส์ โจมตีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขว่า “โกหกประชาชน” จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 มี.ค.64 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊กเรื่อง…#อนุทินและธนาธรใครโกหกประชาชน มีเนื้อหาว่า… “ผมได้อ่านรายละเอียด ความขัดแย้งในคลับเฮาส์ ระหว่าง นายอนุทิน และนายธนาธร เรื่องการฉีดวัคซีน โดยนายธนาธรกล่าวหานายอนุทินว่า โกหกประชาชน เรื่องแผนการฉีดวัคซีน ด้านนายอนุทินก็ชี้แจงไปว่า สิ่งที่นายธนาธรพูดนั้นข้อมูลเก่า

เมื่อผมติดตามศึกษา รายละเอียดเพิ่มเติมที่ทีมแพทย์แถลง ผมเชื่อนายอนุทินครับ เพราะแผนงานต่างๆนั้นสามารถปรับได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ต่างจากโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ 3,000 บาทถ้วนหน้า ไม่ต้องพิสูจน์ความจน มีประชาชนลงทะเบียนมา 3 ล้านคน จ่ายเงินจริงแค่ 2,427 คน ที่สำคัญ มีการเอาเงินบริจาคไปทำอย่างอื่นอีก แบบนี้ถึงจะเรียกว่า โกหกประชาชน

ขอรบกวนคุณหมอท่านใด ที่สนับสนุนนายธนาธร(เพราะหมออย่างผม เขาคงไม่ฟัง) ช่วยเตือนเขาด้วยว่า อย่าเอาการเมือง มายุ่งกับงานวิจัยทางการแพทย์ วัคซีนและการรักษาพยาบาล เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของจริยธรรม คนที่ไม่มีจริยธรรมจะไม่ค่อยเข้าใจ”

ด้านน.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า นายธนาธรน่าจะมีปัญหาเรื่องความจำ จึงทำให้สื่อสารแต่ข้อมูลเก่าๆ จนสังคมสับสน ซึ่งนายธนาธรยังยึดติดแต่ข้อมูลเดิมๆ เก่าๆ ตั้งแต่ 26 พ.ย. 63 มากล่าวหาปรักปรำคนทำงานว่าเขาโกหกไม่ได้ หากอยากเป็นคนรอบรู้นายธนาธรต้องรู้จักหมั่นอัปเดตข้อมูลให้ถูกต้อง เพิ่มความจุความจำสมองให้สอดคล้องกับข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะขอสรุปให้ฟังอีกครั้งว่าแผนการจัดหาวัคซีนโควิด ณ ปัจจุบันของไทย ปี 2564 มีทั้งหมด 63 ล้านโดส คือ วัคซีนซิโนแวก 2 ล้านโดสและวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดสและยังมีการจัดหาเพิ่มเติมต่อเนื่องเพื่อฉีดให้ประชาชนอย่างน้อย 63 ล้านโดส ภายในปี 2564

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า หากนายธนาธรเปิดรับข้อมูลที่เป็นจริงจะพบว่า รัฐบาลไม่เคยมีนโยบายปิดกั้นหรือผูกขาดภาคเอกชนนำเข้าและใช้วัคซีนโควิด-19 ซึ่งขณะนี้มีผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว 4 ราย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 2 ราย คือวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค จำกัด นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม และอีก 2 ราย ได้แก่ วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด และวัคซีนของบริษัท บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด อยู่ระหว่างการยื่นเอกสาร

“รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขยังได้สั่งการให้ อย. อำนวยความสะดวก เปิดช่องทางพิเศษในการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 สำหรับภาคเอกชนมายื่นเป็นผู้รับอนุญาตนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักรก่อน และยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 จากนั้นอย.จะพิจารณาจากเอกสาร ด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผล เพื่อให้สามารถอนุมัติทะเบียนโดยเร็วที่สุด ในส่วนผู้ได้รับอนุญาตนำเข้ายาอยู่แล้ว เช่น โรงพยาบาลเอกชน หากประสงค์จะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ก็ต้องมาขอขึ้นทะเบียนวัคซีนอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ขณะนี้หอการค้าไทย สภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม ก็กำลังสำรวจความต้องการของสถานประกอบการในการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานเพื่อนำมารวบรวมสำหรับเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ร่วมกับภาครัฐบาลอีกด้วย ดังนั้นจะเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างรอบคอบ มีแผนรองรับอย่างปลอดภัย

“สิ่งที่นายธนาธรแสดงความคิดเห็น ต้องถามว่ามี “จิตสำนึกที่ดี” ต่อสังคมอย่างไร สิ่งที่นายธนาธรทำคล้ายว่านายธนาธรรู้ทุกเรื่องยกเว้นความจริง หลายครั้งข้อมูลก็ถูกบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงอยากขอให้นายธนาธรหยุดสื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจนทำให้สังคมสับสน คนทำงานก็เสียกำลังใจกันไปหมด และหากหวังดีกับประเทศก็ทำได้ง่ายๆ คือหยุดพูด หยุดโพสต์ ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และคนทำงานได้อย่างดีที่สุด” น.ส.ทิพานัน กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img