วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกNEWS"กมธ.ความมั่นคงฯ" หวั่นใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองรอบ 2 ช่วงเปิดสมัยประชุมสภา 12 ธ.ค.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กมธ.ความมั่นคงฯ” หวั่นใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองรอบ 2 ช่วงเปิดสมัยประชุมสภา 12 ธ.ค.

“กมธ.ความมั่นคงฯ” ตามติดคดี “สว.อุปกิต” ยัยใช้มาตรฐานเดียวกับคนทั่วไป หวั่นใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองรอบสอง ช่วงเปิดสมัยประชุมสภา 12 ธ.ค.นี้

วันที่ 9 พ.ย.2566 เวลา 13.20 น.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาฯ แถลงว่า กมธ.มีการพิจารณาปัญหาอาชญากรรม และยาเสพติด ตามแนวชายแดนไทย โดยเชิญหน่วยงานหลักๆ คือ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ประเด็นใหญ่ที่พิจารณา คือ ปัญหาธุรกิจผิดกฎหมาย การก่ออาชญากรรมต่างๆเกิดขึ้นทั่วไปตามแนวชายแดน การฟอกเงินตามตะเข็บชายแดน บ่อนคาสิโน การค้ามนุษย์ รวมถึงปัญหาที่คนไทยบางส่วนอาจจะเข้าไปทำธุรกิจที่อาจรู้หรือไม่รู้ ว่าธุรกิจที่ทำเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อเกิดปัญหาความไม่สงบในเมียนมาร์ ก็ทำให้คนไทยจำนวนมากติดค้างที่เมียนมาร์ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ส่วนหนึ่งอาจถูกควบคุมจากแก๊งค้ามนุษย์ และบางส่วนที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้จริงๆ รวมถึงปัญหาอาชญากรรม เช่น กรณีสว.ทรงเอ ซึ่งเราได้รับข้อมูลที่น่าสนใจจำนวนมากจากหน่วยงานต่างๆ

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า วันนี้จากข้อมูลที่กมธ.ได้รับ ชี้ชัดว่าคาสิโนที่อยู่ตามตะเข็บชายแดน เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาธุรกิจผิดกฎหมายรอบชายแดน คาสิโนเหล่านี้จำนวนมากมาจากกลุ่มคนต่างชาติสีเทาที่เข้ามาลงทุน มีการซอยห้องในคาสิโนบางส่วนเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นี่คือปัญหาใหญ่ที่เราได้รับข้อมูลอย่างชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ คาสิโนเหล่านี้บางส่วนอาจเกี่ยวพันกับยาเสพติด แต่สิ่งที่เรายังไม่เห็นคือแนวทางแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้เราจะทราบข้อเท็จจริงว่าบ่อนคาสิโนเป็นศูนย์รวมของหลายอย่าง กมธ.คงต้องสะท้อนไปยังรัฐบาลว่าเราต้องคิดถึงการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ตามตะเข็บชายแดนอย่างจริงจังได้แล้ว แม้รัฐบาลยังไม่มีแนวทางในขณะนี้ แต่ในส่วนของกมธ.จะใช้กลไกต่างๆเพื่อนำเสนอต่อไป

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีของนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และอาชญากรข้ามชาติ โดยกมธ.ได้สอบถามความคืบหน้าทางคดีกับป.ป.ส. และป.ป.ง. ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า ขณะนี้ทางป.ป.ส.ได้รับข้อมูลแล้ว เหลือแค่การสืบทรัพย์ และเข้าไปดูว่าทรัพย์ต่างๆที่เป็นของสว.อุปกิต ว่ามีอะไรบ้างที่ได้มาจากการค้าขายยาเสพติด คาดว่า สัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้าให้ประชาชนทราบ ส่วนทางป.ป.ง.มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลังจากแจ้งข้อหาไปแล้ว คือ ข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปกติอัยการต้องส่งเรื่องไปยังป.ป.ง. เพื่อให้ดำเนินการอายัดทรัพย์ต่อไป โดยป.ป.ง. และป.ป.ส. ต้องทำงานควบคู่กัน

“การที่กมธ.สอบถามความคืบหน้ากรณีของสว.อุปกิต เพราะเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่ากฎหมายบ้านเมืองเราจะใช้บังคับกับผู้มีตำแหน่งสำคัญในบ้านเมืองได้หรือไม่ เป็นบททดสอบที่ท้าทายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้สว.อุปกิตไม่มีเอกสิทธิ์ เพราะไม่ได้อยู่ในสมัยประชุม ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายให้ได้นายโรม กล่าว

เมื่อถามว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการชี้แจงต่อกมธ.หรือไม่ ว่าช่วงปิดสมัยประชุมจะดำเนินการการติดตามตัวสว.อุปกิต มาดำเนินคดีอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้รับหนังสือจากทางอัยการว่าจะมีการแจ้งข้อหาสว.อุปกิต เป็นหนังสือที่ลงวันที่ก่อนปิดสมัยประชุม ในข้อหายาเสพติด และจากการพูดคุยในกมธ. ตำรวจชี้แจงแล้วว่า มีการดำเนินการแจ้งข้อหาแล้ว วันนี้เป็นผู้ต้องหาคดีสมคบค้ายาแล้ว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เราได้รับจากการพูดคุยในกมธ. ซึ่งสว.อุปกิตเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อบแล้ว วันนี้เป็นผู้ต้องหาสมคบค้ายาไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการสั่งฟ้อง ตนทราบมาว่าช่วงต้นเดือนธ.ค. น่าจะมีการสั่งฟ้องต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับอัยการจะดำนินการต่อไปในเรื่องนี้ ซึ่งกมธ. คงไม่สามารถเก้าวล่วงได้ ส่วนป.ป.ส.ชี้แจงว่าขั้นตอนต่อไปคงเป็นการยึดอายัดทรัพย์ ซึ่งป.ป.ส. ยืนยันว่าคงใช้เวลาไม่นาน

เมื่อถามว่า หากเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ แต่ยังไม่มีการสั่งฟ้องกังวลหรือไม่ว่าจะมีการยืดเวลาออกไปอีก นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงเป็นไปได้ที่สว.อุปกิตจะใช้เอกสิทธิ์อีกครั้งหลังวันที่ 12 ธ.ค. แต่เชื่อว่าหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าจะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จึงขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ของท่านอย่างไร หวังว่าทุกอย่างควรเป็นไปตามที่ควรจะเป็น คือเป็นไปตามกฎหมายจริงๆ มาตรฐานใดที่ใช้กับผู้ต้องหารายอื่น เราหวังว่าสถานะของนักการเมืองจะถูกปฏิบัติแบบเดียวกัน เช่น เรื่องยึดอายัดทรัพย์หากคดีคนอื่นๆจะเร็วมาก แต่กรณีสว.อุปกิต การยึดอายัดทรัพย์ถือว่าช้ามาก ป.ป.ส. และป.ป.ง. ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าทำไมจึงปฏิบัติแตกต่างกัน

เมื่อถามว่า สว.อุปกิตมีการฟ้องร้องนายรังสิมันต์เพิ่ม 20 ล้านบาท โดยระบุว่ามีเจตนาใส่ร้าย มองเรื่องนี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตีความเจตนาว่าเขาคงต้องการไม่ให้ตนพูดเรื่องนี้อีก แต่เรื่องนี้สว.อุปกิตเป็นผู้ต้องหาอาชญากรรมข้ามชาติ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ตนในฐานะสส. ที่มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องติดตามตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมาย ให้เกิดความยุติธรรมก็มีหน้าที่ต้องทำภารกิจนี้ ทั้งนี้ หากมีการใช้กลไกศาลให้การทำหน้าที่ของตนดำเนินการต่อไม่ได้ ตนคิดว่าทุกฝ่ายต้องทบทวนตัวเองเช่นเดียวกัน ว่าสุดท้ายมาเบรกมาปิดปากกันไม่ให้ตนทำหน้าที่ได้ สุดท้ายท่านอาจต้องมีภาระทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้คนที่เคยช่วยเหลือสว.อุปกิต เช่น ผู้พิพากษาก็ถูกสอบวินัยร้ายแรงแล้ว และยังมีตำรวจอีก 12 นาย ที่มีแนวโน้มถูกสอบวินิยร้ายแรง หนึ่งในนั้นเป็นอดีตผบ.ตร. อักษรย่อ ป.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img