“รองอ๋อง” เหลืออดจ่อบุกทำเนียบฯพรุ่งนี้ หลังร่างก.ม.31 ฉบับถูกดอง นายกรัฐมนตรีไม่ยอมเซ็น อ้างรอฟังความเห็นนานสุดครึ่งปีแล้ว กม.รับราชการทหารของ “ไอติม” พบมีร่าง รบ.ด้วย โอดทำได้แค่แถลง ถามเป็นเทคนิคทำให้เป็นหมันหรือไม่ ย้ำนิติบัญญัติจะต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง แถลงข่าวถึงร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินที่ยังไม่บรรจุในวาระการประชุมสภาฯ ว่า สถานะของพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ยังรอนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรัชมว.คลัง ลงนามรับรอง มีทั้งหมด 31 ฉบับ ฉบับที่รอความเห็นนานที่สุด คือ ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. …. ที่เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล จำนวน 6 เดือน 11 วัน ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ศ. …ที่เสนอโดยนายรอมฎอน ปันจอร์ จำนวน 6 เดือน 4 วัน ซึ่งไม่ได้มีร่างของฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ยังมีร่าง พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน พ.ศ. …. ที่เสนอโดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง จำนวน 5 เดือน 25 วัน และร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. …. ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล จำนวน 4 เดือน 17 วัน
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ตนทำได้เพียงนำข้อเท็จจริงเหล่านี้มาแถลงต่อสาธารณะ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ากฎหมายที่เสนอโดย สส. ตอนนี้ทำได้เพียงเสนอกฎหมายที่ไม่ได้เป็นร่างการเงิน ซึ่งการตีความว่าเป็นทางการเงินนั้น ครอบคลุมได้หลายมิติมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดกองทุน การเพิ่มภาระงานบางอย่าง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ทำให้ตนอยากมีความเห็นต่อสาธารณะ ว่าเรามีความคิดว่ารัฐบาลต้องจริงใจกว่านี้ในการส่งทางการเงินเข้ามาถกเถียงที่สภา ร่างการเงินเหล่านี้กระทบฝ่ายบริหาร แต่ถ้าหน่วยงานไม่รับรองสักที ที่ผ่านมาตนส่งเรื่องไปทวงถามสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหลายรอบแล้วว่าติดที่หน่วยงานไหน ปรากฏว่าไม่เคยได้รับคำตอบ แล้วถ้าหน่วยงานหนึ่งไม่ส่งคำตอบสักหน่วยงาน ร่างของ สส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนจะไม่มีวันได้บรรจุเข้าสภา
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญนะครับ สิ่งที่เราบอกชัดเจนว่าสภานิติบัญญัติจะต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายรัฐบาล แต่การพิจารณากฎหมาย ซึ่งเป็นงานที่พวกเราทำได้ กลับถูกเทคนิคหรือไม่ ในการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ส่งความเห็นให้นายกรัฐมนตรี หรือทำเป็นไม่ส่งความเห็น เพื่อทำให้ร่างที่จะเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงหน่วยงานของตัวเองเป็นหมันไป” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ตนและสำนักรองประธานสภาคนที่หนึ่งจะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพูดคุยปัญหาเรื่องนี้โดยตรงกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี “เรามีความพยายามจะเข้าพบหลายครั้งแล้ว ที่จริงจะเข้าไปในวันศุกร์ที่แล้ว แต่ไม่มีใครอยู่ ทำให้ไม่แน่ใจ พรุ่งนี้จะต้องไปดูด้วยตาตัวเองว่าไม่มีใครอยู่ แปลว่าอะไร ผมต้องการพบผู้ที่รับผิดชอบด้านกฎหมายของรัฐบาล ไม่ได้ไปพบเพื่อที่จะมีความกระทบกระทั่ง แต่พบเพื่อประสานความร่วมมือ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลยังทำงานแบบนี้ เราจะเห็นว่ากฎหมายจำนวนมากที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเสนอนั้นไม่สามารถเข้าสภาได้” นายปดิพัทธ์ กล่าว
