วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกHighlight“องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่”โต้“หมอชลน่าน” ยันไร้ระบอบประยุทธ์-อย่าปั้นน้ำเป็นตัว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่”โต้“หมอชลน่าน” ยันไร้ระบอบประยุทธ์-อย่าปั้นน้ำเป็นตัว

“องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” ดาหน้าโต้ “หมอชลน่าน” ยันไม่มีระบอบประยุทธ์ ซัดอย่าประดิษฐ์ถ้อยคำที่สร้างความแตกแยก “ธนกร” ย้ำระบบสาธารณสุขไทยมีประสิทธิภาพ ฉะยับจิตใจทำด้วยอะไร ขณะที่ “แรมโบ้” เหน็บคืน อย่าปั้นน้ำเป็นตัว เอาข้อมูลผิดเพี้ยนมาโจมตีรัฐบาล ชี้อย่าให้ปชช.ต้องเรียนว่า “หัวหมอชลน่าน” เลย

กรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า “ระบอบประยุทธ์” ทำลาย “ระบบสาธารณสุขไทย” และจนถึงวันนี้ รัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพียง 6 แสนโดส พร้อมเรียกร้องให้ชี้แจงว่า ใครกั๊กวัคซีนที่เหลืออีก 1.4 แสนโดสนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เคยเป็นหมอมาก่อน จะมีความคิดแบบนี้ เพราะระบบสาธารณสุขของไทยถือว่ายังมีประสิทธิภาพ ไม่มีใครมาทำลายได้ และไม่มีระบอบประยุทธ์ มีแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน การบริหารจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 ก็ไม่ได้ล้มเหลว ทุกอย่างเดินตามแผนงานที่วางไว้ แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างเพื่อให้ทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนวัคซีน 2 ล้านโดสก็ไม่มีใครกั๊กไว้ ตนชี้แจงแล้วว่า ได้มีการกระจายวัคซีนฉีดให้กลุ่มเป้าหมายใกล้จะครบแล้ว ไม่ทราบว่าจิตใจนพ.ชลน่าน ทำด้วยอะไร ถึงคิดว่ามีการกั๊กไว้ ส่วนตัวมองว่า หัวใจหลักของการแก้ปัญหาโควิด-19 มี 3 เรื่องได้แก่ 1.การเร่งจัดหาวัคซีนเพื่อให้ครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากร ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการจัดหาแล้วจำนวน 100 ล้านโดส มีไทม์ไลน์ชัดเจน 2.การเร่งฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รัฐบาลก็เตรียมการไว้แล้ว ซึ่งถ้าบุคลากรทางการแพทย์ไม่พอ ก็จะขออาสาสมัครเป็นอดีตพยาบาล หรือแพทย์ที่เกษียณ มาช่วยฉีด รวมไปถึงวัคซีนทางเลือก ภาคเอกชนก็ช่วยดำเนินการ ตนเชื่อว่ารัฐบาลจัดการได้ และ 3.การเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลก็ได้ออกมาตรการได้ผลมากไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการเราเที่ยวด้วยกันฯลฯ

นายธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ไร้วิชั่น ประมาท ทำประชาชนเดือดร้อนนั้น นายวิโรจน์เป็นบุคคลที่อยู่ในประเภทล้มเหลวทางด้านความน่าเชื่อถือ ล้มเหลวทางความคิด กลับไป-กลับมา ไร้จุดยืน พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนมีองค์ความรู้ มีประสบการณ์ มีความสามารถ ไม่ใช่ประเภทแก่แล้วแก่เลย และนายกฯทำงานเป็นทีม ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ไม่ใช่ทำงานคนเดียว เหมือนหัวหน้าพรรคเก่าของนายวิโรจน์ การแก้ปัญหาโควิดก็ดำเนินการอย่างเป็นระบบ แม้ประสบปัญหาติดขัดบ้าง ก็ต้องแก้กันไป เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นายวิโรจน์น่าจะเข้าใจ ที่สำคัญ รัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย แต่ควรเป็นข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์ ไม่ใช่หวังผลการเมืองลูกเดียว ตนก็เบื่อหน่ายการตอบโต้ไปมา แต่ก็จำเป็นที่จะต้องชี้แจงเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจ และไม่สับสน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ว่า แค่ตัวเลขก็ไม่ตรง ไม่รู้ว่าเจตนาบิดเบือนทำหายไปเอง 2 แสนโดส หรือว่าไม่ติดตามข่าวสาร จนตกข่าว แล้วมาใส่ร้ายรัฐบาล เรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ศบค.ได้มีการชี้แจงไปแล้ว ว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็ม 1 และ 2 ในพื้นที่ 77 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-21 เม.ย. 64 ฉีดแล้ว 864,840 โดส แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 746,617 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 118,223 ราย และเมื่อวันที่ 21 วันเดียวฉีดได้กว่า 152,230 โดส ที่สำคัญถ้านพ.ชลน่านยังมีความรู้ มีจิตวิญญาณความเป็นหมอหลงเหลืออยู่ ก็ควรจะรู้ว่าหมอและพยาบาลของเรา กำลังทุ่มเทอย่างหนักในการรักษาผู้ป่วยและดูแลผู้เสี่ยงติดเชื้อจากคลัสเตอร์ช่วงก่อนสงกรานต์ รวมทั้งยังต้องเร่งตรวจเชิงรุกและควบคุมการแพร่ระบาดอยู่ ควรเห็นใจและให้กำลังใจเพื่อนวิชาชีพเดิมของตนด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลยังเดินหน้าเจรจาและหารือกับบริษัทผลิตวัคซีนอีกหลายยี่ห้อ ทั้งเรื่องราคาและเงื่อนไข โดยร่วมกับภาคเอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก ประมาณ 35 ล้านโดส คาดว่าจะทำให้มีวัคซีนเพื่อคนไทย 100 ล้านโดส ภายในปลายปี 2564 นี้อีกด้วย

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ที่นพ.ชลน่าน บอกว่า ระบอบประยุทธ์ทำลายระบบสาธารณสุขของไทยนั้น ตนไม่เห็นว่ามีอะไรที่เป็นระบอบดังกล่าว อย่าพยายามประดิษฐ์วาทกรรมสร้างความแตกแยก ตนกลับเห็นว่าสิ่งที่นพ.ชลน่านพูด น่าจะหมายถึง หลักคิดในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เน้นการป้องกัน สมเหตุสมผล มีวิสัยทัศน์ และบูรณาการพลังทางสังคม ซึ่งนำมาสู่ความสำเร็จถึงสองครั้งในการรับมือและแก้ปัญหาวิกฤตโควิด จนเป็นที่ยอมรับของนานาขาติ และองค์กรระดับโลก อย่างองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การสหประชาชาติ (UN) ต่างชื่นชมและยกให้แนวทางการรับมือและแก้ไขปัญหาโควิดของไทยเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาคมโลก ถ้าแบบนี้ตนเห็นว่า “ระบอบประยุทธ์” ที่นพ.ชลน่านพูด น่าจะเป็นคำชมมากกว่า อย่างไรก็ตาม นายกฯไม่เคยเหมาว่าเป็นความสำเร็จของตนเอง หากแต่พูดอยู่เสมอว่าจะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นสำคัญ และให้กำลังใจทุกคนว่า “ประเทศไทยต้องชนะ”

“หมอชลน่านอย่า “ปั้นน้ำเป็นตัว” เอาข้อมูลผิดเพี้ยน มาโจมตีการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล กล่าวหานายกฯ หรือสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชนเลย ทั้งนี้ขอให้รอดูสถาการณ์ก่อน ไม่ใช่ว่าพอมีวิกฤตขึ้นมา พรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้าน ก็เรียงหน้าออกมากล่าวหา โจมตีนายกฯทันที แบบนี้น่าจะเรียก “ฝ่ายแค้น” เพราะไม่ให้โอกาสนายกฯ และเจ้าหน้าที่ได้ทำงานเลย ออกมาโจมตีรายวันอย่างไร้ข้อเท็จจริง เกรงว่าจะเป็นการบั่นทอนขวัญและกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ทำงานอย่างหนักในการช่วยประชาชน อย่างทุ่มเทและเสียสละ”นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวด้วยว่า ขณะที่การนำงบประมาณมาแจกจ่ายให้กับประชาชนนั้น ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ทั้งนี้ขออย่ามองว่าเป็นเรื่องทางการเมืองเพื่อหาคะแนนเสียง เพราะนายกฯไม่เอาความเดือดร้อนของประชาชนมาเกี่ยวข้องกับการเมือง เรื่องแบบนี้มีแต่พรรคฝ่ายค้านเท่านั้นที่ทำกับประชาชนได้ลงคอ ที่สำคัญยามคับขันเช่นนี้ ประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ ไม่ต้องการคนพูดพล่าม ประเทศชาติต้องการบัณฑิต ไม่ใช่ “จระเข้ขวางคลอง” นพ.ชลน่านเป็นหมอ แต่อย่าทำตัวเป็นคนหัวหมอดีกว่า ประเดี๋ยวประชาชนจะเรียกว่า “หัวหมอชลน่าน” และจะถูกคนตำหนิติเตียนให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img