“ศรัณย์วุฒิ” อุ้มเทพเจ้ากวนอูสุดเจ็บปวด ลั่นไม่ร่วมงานเผด็จการ เผย คุย “เสรีรวมไทย – พลังธรรมใหม่ – พลังปวงชนไทย” ชี้ทำการเมืองสายกลาง ยันยังเคารพรัก “ทักษิณ–พจมาน” ซัดถูกปีศาจในห้องแอร์กดดันทนไม่ไหว ด้าน “หมอระวี” เข้าสวมกอด บอกไม่ใช่งู ย้ำร่วมงานด้วยอุดมการณ์
วันที่ 15 ต.ค. 64 ที่รัฐสภา นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่ถูกพรรคเพื่อไทยขับออกจากสมาชิกพรรค แถลงว่าการทำหน้าที่ของตนตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นเรื่องเอกสิทธิ์ ส.ส. วันนี้ตนนำเทพเจ้ากวนอูมาด้วย เนื่องจากเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ กล้าหาญ เสียสละชีวิตในการต่อสู้ ตนไม่อาจเทียบเทพเจ้ากวนอูได้ แต่คนอย่างศรัณย์วุฒิ มีจิตวิญญาณคล้ายคลึงท่าน ตนยึดแนวเทพเจ้ากวนอู จะเป็นงูเห่าได้อย่างไร ที่บอกว่าตนไปกินกล้วย ถ้าตนไม่ได้กินขอให้คนที่บอกว่าตนกินมีอันเป็นไป แต่ถ้าตนกินก็ขอให้ตนมีอันเป็นไป ทั้งหมดเป็นความรู้สึกจากใจของนักรบพันธุ์ดีที่ชื่อศรัณย์วุฒิพร้อมยืนยันว่า จะแนวทางยึดหลักความถูกต้องชอบธรรมให้สมศักดิ์ศรีความเป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย ตนยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหากับพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ที่ตนเคารพรัก แต่ตนมีปัญหาจากการถูกกดดันของอสูรกายร้ายปีศาจในห้องแอร์ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ตนไม่ใช่คนเดียวที่ถูกกดขี่ แต่เพื่อน ส.ส. คนไหนที่ไม่ก้มหัวให้ก็จะถูกกดขี่ วันนี้ขออย่าเข้าใจคนชื่อศรัณย์วุฒิผิด ตนชนะการเลือกตั้งโดยไม่ซื้อเสียง และยังจะยึดมั่นแนวทางนี้ต่อไป เมื่อประชาชนเลือกตนด้วยความรัก และศรัทธา ตนจะทำลายศรัทธาประชาชนไม่ได้เป็นอันขาด ฝากถึงอสูรกายร้ายปีศาจในห้องแอร์ ถ้ายังทำแบบนี้ส.ส.ที่มีคุณภาพจะออกจากพรรคกันหมด การต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องเล็กหรือง่าย เพราะอสูรกายหรือปีศาจร้ายเหล่านี้ เขาเชื่อว่ากระแสพรรคเพื่อไทยดีมาก ต่อสู้กับใครก็ชนะ ทำให้ส.ส.ไม่กล้าออกมาต่อสู้
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวอีกว่า ตนได้รับความเจ็บปวดจากการถูกปิดกั้นการอภิปราย ถ้าอภิปรายไม่ได้จะมีส.ส.ไว้ทำไม เขาเลือกมาเพื่อสะท้อนความเดือดร้อนประชาชน แต่เหตุใดพรรคจึงปิดกั้น และข้อมูลที่ตนให้แก่พรรคก็หลุดไปฝ่ายตรงข้าม นี่คือปีศาจร้ายของพรรคเพื่อไทยที่ทำเช่นนั้น ตนมาทราบภายหลังว่ามีการเอาข้อมูลไปหาผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อหวังร่วมรัฐบาล นี่คือพฤติกรรมของปีศาจร้าย ตนยังเคารพรักผูกพันกับเพื่อนๆ พรรคเพื่อไทยทุกคน ตนไม่เคยบอกว่าพรรคไม่ดี เพื่อนส.ส.ไม่ดี แต่ตนกำลังต่อสู้กับกลุ่มปีศาจร้ายในพรรค ที่ตนเรียกว่า “กลุ่มขี้รังแค”
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนยืนยันว่าเป็นการโหวตตามเอกสิทธิ์ส.ส. ซึ่งส่วนตัวโหวตไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม คนเดียว เพราะเป็นต้นเหตุของปัญหาที่บ้านเมืองบอบช้ำ ส่วนรัฐมนตรีอีก 5 คน หลักฐานไม่ชัดแจ้ง แต่พรรคไปคลุมถุงชนส.ส. ว่าให้โหวตตามมติพรรคทั้งที่ยังไม่ได้มีการภิปรายเลย ทั้งนี้ หากปีศาจร้ายในห้องแอร์มียุทธศาสตร์ทางการเมือง ต้องมียุทธศาสตร์แกล้งแพ้ศึก เพื่อชนะสงคราม แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่เห็นพวกคุณทำอะไรสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะสู้กับอสูรกายร้ายในพรรคเพื่อไทย สิ่งสำคัญที่สุดที่จะสู้ได้ คือ ยุทธศาสตร์ต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จะทำเพื่อประโยชน์ชาติเท่านั้น และต่อสู้ด้วยความถูกต้องชอบธรรม
“เราจากกันด้วยดี ผมไม่ได้มีปัญหากับพรรค ไม่ได้มีปัญหากับส.ส. แต่มีปัญหากับปีศาจร้ายในห้องแอร์ ผมเจ็บปวดมากที่พรรคเพื่อไทย ยอมปล่อยให้อสูรกายร้ายขับผมออกจากพรรคทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านตั้งข้อหากบฎ เป็นปฏิปักษ์ทำลายชื่อเสียงพรรค ทั้งที่ผมไม่เคยทำ ผมจากไปครั้งนี้ด้วยความเจ็บปวดมาก ผมร่วมทุกข์ร่วมสุข มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ท่านทักษิณ คุณหญิงพจมาน ผมเคารพรักท่านมาก และจะเคารพรักตลอดไป ขอปีศาจในห้องแอร์อย่าทำร้ายผู้ใหญ่สองท่าน และอย่าทำร้ายพรรค ซึ่งไม่ว่าจะต่อสู้อะไร พวกนี้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้องทั้งสิ้น ผมสงสารท่านทักษิณ ท่านควรจะกลับไทยได้นานแล้ว แต่พวกปีศาจไปทำการเมืองที่ไม่ควรทำ ทำให้กระทบท่านทักษิณ เพราะหากท่านทักษิณ กลับมาไม่ได้ คนเหล่านี้จะยังทำอะไรตามอำเภอใจได้ มีอำนาจมากมาย และขอเตือน ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทย ว่าบัตรเลือกตั้งสองใบ ส.ส.เขตจะสอบตกระนาว ส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อจะได้มาก พวกปีศาจชุบมือเปิบ เพื่อนๆต้องเอาตัวให้รอด ไม่เช่นนั้นพวกท่านจะสอบตก แต่ปีศาจจะเดินเข้าสภาอย่างสง่างาม เดินเข้ามากันเป็นฝูงเลย นายทุนเข้ามาอุดมการณ์พรรคเพื่อไทยก็ต่างออกไป อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณที่เพื่อนส.ส.ให้กำลังใจผม และอยากบอกทุกคนในพรรคเพื่อไทย ตราบชั่วชีวันศรัณย์วุฒิไม่ลืม” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า ปีศาจร้ายคือคนกลุ่มไหน และกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) หรือไม่ นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า บางคนเป็น บางคนไม่เป็น แต่ตัวย่อ คือ พ. ช่วงที่ยึดอำนาจหนีไปอยู่กับชัยฟันเหล็ก ที่มาเก๊า เป็นตัวแทนนายทุน ใช้อำนาจกดขี่ ที่เจ็บปวดคือคนในพรรคก็ทำตัวเป็นลิ่วล้อ อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่ดำเนินการฟ้องร้องพรรคเพื่อไทย เพราะตนร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพรรคนี้มา ตนไม่ได้ต้อสู้กับพรรค หรือท่านทักษิณ ตนรักเคารพทุกคน
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุด คือ ตนจะยึดโยงประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง ตนประกาศตัวชัดว่าจะเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย พรรคการเมืองที่ตนจะไปอยู่นั้น ต้องอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น มีคนสงสัยว่าตนไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะเห็นตนไปร่วมสวดพระอภิธรรมศพมารดา ของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตนเคยอยู่ร่วมกับนายวิรัช ตั้งแต่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาด้วยกัน เป็นศิษย์ก้นกุฏิเดียวกัน แต่มีไอโอใส่ร้ายว่าตนไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ วันนี้ตนขอประกาศว่าอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย ต่อสู้กับเผด็จการมาขนาดนี้จะไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐได้อย่างไร ขอความเป็นธรรมให้คนชื่อศรัณย์วุฒิด้วย ดังนั้น พรรคที่ตนจะไปอยู่นั้นจะไม่ไปอยู่กับเผด็จการ วันนี้ทั้งสองขั้วเกือบทุกพรรคต้องการตัวศรัณย์วุฒิกันหมด แต่การตัดสินใจตนจะฟังเสียงของประชาชน โดยเฉพาะเสียงของคนอุตรดิตถ์ที่เลือกตนมา เขาแนะนำให้อยู่กับฝั่งประชาธิปไตย ตนจึงจะฟังเสียงส่วนใหญ่ ตนจะเลือกพรรคที่ให้เอกสิทธิ์ในการอภิปราย และสามารถต่อสู้กับเผด็จการได้ โดยไม่ต้องระแวงหลัง ตอนนี้พรรคที่อยู่ในการเจรจากับตน คือ พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคพลังปวงชนไทย ซึ่งภายใน 2 สัปดาห์นี้ จะมีการประกาศชัดว่าตนจะไปร่วมงานกับพรรคไหน ซึ่งจะทันกำหนดระยะเวลา 30 วันอย่างแน่นอน
“เราเห็นการเลือกตั้งครั้งหน้าที่เป็นบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ พรรคเล็กจะสูญพันธุ์ เราจึงจะจับมือกันเหนียวแน่น หากเราเป็นแม่เหล็กดึงดูดได้คนจะมาร่วมกันเยอะ เพราะวันนี้ประชาธิปไตยสายกลางยังไม่มี ซึ่งต้องเป็นประชาธิปไตยสร้างสรรค์ ไม่เอียงซ้าย ไม่เอียงขวา พรรคที่ผมจะไปอยู่จะมีการพูดคุยกันถึงความร่วมมือว่าจะทำอย่างไร อย่างพรรคพลังธรรมใหม่เป็นประชาธิปไตยสายกลาง จุดยืนแบบนี้ทำงานร่วมได้ พรรคพลังปวงชนไทยส่วนตัวสนิทกับนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรค และพรรคเสรีรวมไทย ผมได้คุยส่วนตัวพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค ท่านเปิดกว้าง”นายศรัณย์วุฒิ กล่าว
จากนั้น หลังจากนายศรัณย์วุฒิ แถลงข่าวเสร็จสิ้น นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้เดินเข้าไปจับมือ และโอบกอด โดยนพ.ระวี แถลงว่า นายศรัณย์วุฒิไม่ได้มาในฐานะงูเห่า แต่มาในฐานะส.ส.ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ที่ส.ส.ต้องมีเอกสิทธิ์ในการลงมติ โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ยึดผลประโยชน์ของพรรค ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญที่สุด การที่นายศรัณย์วุฒิมาอยู่พรรคเรา ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าพรรคนี้ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว จึงอยากชี้แจงให้ทราบว่านายศรัณย์วุฒิเข้ามาด้วยอุดมการณ์ ที่จะมาสร้างพรรคที่ดีที่สุดให้กับประเทศ ไม่ได้มาด้วยสินจ้างเงินซื้อตัวใดๆทั้งสิ้น นายศรัณย์วุฒิกับพรรคพลังธรรมใหม่ก็น่าจะมาช่วยกันทุกอย่าง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ
เมื่อถามว่าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ที่จะอยู่พรรคพลังธรรมใหม่ นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า เราคุยกันในหลักการว่าตอนนี้ร่วมกัน แต่องค์ประกอบในการร่วมต้องวางโครงสร้าง และเงื่อนไข รวมถึงวิธีการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีระบบ และนพ.ระวี ยินดีที่จะรวบรวมพรรคต่างๆให้มาอยู่ร่วมกัน
