วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSได้ไม่คุ้มเสีย“ฝ่ายค้าน”เล่นเกินบท ดึง “สถาบัน”โยงศึกซักฟอก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ได้ไม่คุ้มเสีย“ฝ่ายค้าน”เล่นเกินบท ดึง “สถาบัน”โยงศึกซักฟอก

ไม่ว่าการเสนอญัตติด่วนของ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต่อที่ประชุมสภา เพื่อขอมติให้ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ (ศาลรธน.) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) กรณีญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯหรือไม่

หรือเป็นเพียงแค่ส่งสัญญาณเตือนไปยังฝ่ายตรงข้าม หากต้องการสื่อสารหรือพูดจาพาดพิงกระทบสถาบันเบื้องสูง แต่ก็ช่วยสะท้อนให้เห็นถึง การทำสงครามการเมืองระหว่างฝ่ายบริหาร และพวกทำหน้าที่ตรวจสอบเป็นอย่างดี ซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน โดยเฉพาะการนำเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน มาเกี่ยวข้อง

แต่ในที่สุดศึกซักฟอก 10 รัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี หลังจาก “นายชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ได้กำหนดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 16-20 ก.พ.นี้ หรือหากต้องเลื่อนออกไป เพื่อรอคำวินิจฉัยของศาลรธน. ก็ยังต้องเกิดขึ้นอยู่ดี

ขณะที่ “นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รองเลขาธิการพปชร. แถลงภายหลังการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ว่า ได้วันนี้รับทราบกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เตรียมเสนอญัตติด่วนต่อที่ประชุมสภา เพื่อขอมติให้ส่งศาลรธน.พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) กรณีญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์

หลังฝ่ายรัฐบาลเสนอให้แก้ไขไปแล้ว แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมแก้ไข โดยนายไพบูลย์จะยื่นเรื่องให้ประธานสภา เพื่อบรรจุวาระการประชุมสภาต่อไป และเมื่อมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะต้องใช้เสียงข้างมากของสภาเห็นชอบ เพื่อส่งศาลรธน.วินิจฉัย และ หากสุดท้ายศาลมีมติรับคำร้องจะส่งผลให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 16-20 ก.พ.นี้อาจต้องเลื่อนออกไป

ขณะที่ “นายวิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล( วิปรัฐบาล ) ยืนยันว่า  ไม่ได้ต้องการล้มการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือต้องการทำให้การอภิปรายเลื่อนออกไป เพราะการเสนอส่งให้ศาลรธน.วินิจฉัย เนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังไม่สามารถบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเพื่อพิจารณาได้ จึงไม่สามารถประชุมเพื่อลงมติได้

แต่เป็นการแสดงจุดยืนว่าญัตติของฝ่ายค้านไม่ถูกต้อง เพื่อป้องปรามว่าญัตติของฝ่ายค้าน ไม่สมควรและมิบังควร ไม่ใช่เกมการเมือง น่าจะแก้ไขตั้งแต่วันที่ทักท้วงไป ซึ่งหากมีการพูดพาดพิงสถาบัน เราก็จะทำหน้าที่ปกป้องส่วนนี้ให้ดีที่สุด โดยหวังว่า ตอนอ่านญัตติฝ่ายค้านจะอ่านข้ามไป เพื่อความสงบสุขของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

cr / FB วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

การเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ถูกมองว่าคงต้องการสื่อสารให้สังคมเห็นว่า ไม่ต้องการให้ฝ่ายค้าน นำสถาบันสูงสุดมาเกี่ยวข้องกับการเมือง  และต้องการทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายตรงข้าม ยิ่งถ้าศาลรธน.วินิจฉัย ให้ฝ่ายค้านนำไปแก้ไข เพราะถือเป็นครั้งแรก ที่นำเรื่องสถาบันมาเกี่ยวข้องกับศึกซักฟอก หรืออาจแค่ต้องการให้ฝ่ายค้าน ไม่อ่านเนื้อหาญัตติ ในประเด็นที่อ่อนไหว  ระหว่างลุกขึ้นชี้แจงเหตุผลในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ    

โดยเฉพาะประโยคที่เป็นปัญหาคือ“ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง ซึ่งมาจากข้อเสนอของ “พรรคก้าวไกล (กก.)” ที่มี “เสี่ยเอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้ากำกับดูแลอยู่ แม้จะมี “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” รับบทหัวหน้าพรรคกก.ก็ตาม 

ที่ผ่านมาใครติดตามการเมือง ก็คงรับรู้ว่า “นายธนาธร” และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ออกมาให้การสนับสนุน “ม็อบราษฎร” ซึ่งใช้สัญลักษณ์ชูสามนิ้วมาอย่างต่อเนื่อง แม้หลายครั้งจะมีการทำกิจกรรมที่มีเนื้อหาล่วงละเมิดสถาบันอย่างชัดเจน จนถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 พรรค กก. คณะก้าวหน้า ก็ไม่เคยห้ามปราม ไม่ออกมาท้วงติง

แถมส.ส. กก.หลายคน ยังออกโรงทำหน้าที่ “นายประกัน” ให้บรรดานักเคลื่อนไหว ซึ่งถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาล่วงละเมิดสถาบัน จนถูกวิจารณ์จากฝ่ายปกป้องสถาบัน แต่เครือข่ายนายธนาธรก็ไม่สนใจ เพราะรู้ดีว่า การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว และบรรดานักปลดแอก ถือเป็นแนวร่วมให้กลุ่มตัวเอง คือมุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยเร็ว

ขณะที่เนื้อหาในการอภิปรายไม่ไว้วางของส.ส. พรรค กก. ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน คงต้องการปกป้องการเคลื่อนไหวของ “ม็อบราษฎร” ว่าไม่ได้มีเป้าหมายล้มล้างสถาบัน เพียงแต่ต้องการให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้เป็นไปตามพลวัตรและการเปลี่ยนแปลงของโลก

และคงพุ่งเป้าโจมตี “พล.อ.ประยุทธ์” นำกฎหมายที่มีบทลงโทษร้ายแรงมาดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นเพียงเยาวชนและนักศึกษา  และหวังใช้สถาบันมาเป็นเกราะในการคุ้มครองรัฐบาล

ภาพ / FB : วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

ด้าน “นายสุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้เห็นกรณี กรณี พปชร.เตรียมยื่นญัตติด่วนขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจไปยังศาลรธน.ตีความ เนื่องจากญัตติดังกล่าวเชื่อมโยงสถาบัน อาจขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถยื่นได้

อย่างไรก็ตามผู้ยื่นก็ต้องคิดด้วยว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ได้รับการบรรจุ เป็นระเบียบวาระการประชุมแล้ว เพราะทีมกฎหมายสภาฯ และประธานสภาฯพิจารณารอบคอบแล้วว่าถูกกฎหมาย ดังนั้น ผู้ที่จะยื่นต้องเคารพประธานสภาฯและความเห็นข้างต้นแล้ว

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อฝ่ายค้านอ่านญัตติจะอ่านข้ามไป เพื่อไม่ให้เชื่อมโยงกับสถาบัน นายสุทิน กล่าวว่า ถ้าไม่ขัดแย้งก็ไม่มีความจำเป็นต้องอ่านข้าม แต่ตอนอภิปรายคิดว่าสามารถขอความร่วมมือกันได้ เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องของบุคคล คนอภิปรายก็มีการคำนึงและระมัดระวังเองอยู่แล้ว ใครจะนำมาเล่นเป็นเกมการเมืองก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง

อย่างไรก็ตาม “นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ออกมาเปิดเผยถึงการประชุมคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งที่ 2 ว่า ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้นายทศพล เพ็งส้ม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ เป็นหัวหน้าทีมตั้งคณะทำงานวอร์รูม เพื่อเตรียมรวบรวมข้อมูลในการดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมาตรา 112 หรือมาตราใดก็ตาม ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  หรือความเสียหายต่อบุคคลคือนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“เราจะไม่รอให้มีการอภิปรายก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าเราเจอว่า ส.ส.ฝ่ายค้านท่านใดอภิปรายบิดเบือนข้อเท็จจริง เกิดความเสียหาย เราจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษในทันที”

จากนี้ไปต้องจับตากลยุทธ์พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะปรับแนวทางในการทำงาน เพื่อไม่ให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถือเป็นมาตรการในการตรวจสอบที่เข้มข้นมากที่สุด  กลายเป็นจุดอ่อนที่ย้อนกลับมาทำลายพรรคพวกตัวเอง  แม้การนำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน มาบรรจุในญัตติซักฟอก จะเป็นข้อเสนอของ “พรรค กก.” แต่เมื่อลงเรือลำเดียวกัน พรรคร่วมฝ่ายค้านจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หากเจอกระแสตีกลับทางลับ

ยิ่งส.ส.พปชร.นออกมาประกาศว่า ถ้ามีการอภิปรายพาดพิงสถาบัน จะลุกขึ้นประท้วงทันทีอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมให้ฝ่ายค้านเดินหน้าต่อไป หรือศึกซักฟอกที่กำลังจะมีขึ้น “กก.” จะตกเป็นจำเลยทางการเมือง หลัง “พท.” เคยล้มเหลวจากการนำทัพ ตรวจสอบการทำงานรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ ท่ามกลางข้อครหา  ปมข้อสอบรั่ว อันเนื่องมาจากฝีมือ “นักตบทรัพย”์

…………………………………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย..“แมวสีขาว

                                                                                                             

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img