วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSรอฉลองนักท่องเที่ยวต่างชาติ10ล้านคน แห่‘เที่ยวเมืองไทย’ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รอฉลองนักท่องเที่ยวต่างชาติ10ล้านคน แห่‘เที่ยวเมืองไทย’ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

“สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ออกมาเปรย ๆ ไว้ว่า ในช่วงเดือนธ.ค.นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ “ททท.” เตรียมจัดฉลองยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทย ที่ 10 ล้านคน


ขณะที่ ททท.ประเมินเบื้องต้นว่า ไม่น่าจะเกินวันที่ 10 ธ.ค.นี้แน่นอน เพราะล่าสุด…มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยแล้วกว่า 8.82 ล้านคน เรียกง่าย ๆ ว่า เฉลี่ยแล้วเวลานี้ มีต่างประเทศเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 6 หมื่นคน

ดังนั้น!! ความเป็นไปได้ ที่ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 10 ล้านคน ภายในต้นเดือนธ.ค.นี้ จึงมีโอกาสมาก…ถึงมากที่สุด…โดยนักท่องเที่ยว มาเลเซีย ยังครองอันดับหนึ่ง ที่มาเที่ยวไทย กว่า 1.45 ล้านคน รองลงมา คือ อินเดีย มีกว่า 7.78 แสนคน

ขณะที่ สปป.ลาว เข้ามาเป็นอันดับ 3 กว่า 6.38 แสนคน กัมพูชา ครองอันดับ 4 กว่า 4.64 แสนคน ส่วน สิงคโปร์ ตามมาอันดับ 5 ที่กว่า 4.33 แสนคน

ที่สำคัญ!! หากประธานาธิบดีจีน “สี จิ้นผิง” ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนให้ชาวจีนเดินทางระหว่างประเทศได้ นั่นหมายความว่า…จะยิ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ไม่ใช่เพียงแค่นี้ หากดูยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนต่อทริป ก็มีไม่น้อยกว่าคนละ 50,000 บาท หากไทยได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีการใช้จ่ายต่อคนที่สูง ก็เท่ากับว่า…จะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สภาพัฒน์จะคาดหวังไว้ว่า… หากได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายการเดินทางของชาวจีน ในปีหน้า ปี 66 ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 23.5 ล้านคน….กันทีเดียว

แต่!!ความคาดหวัง ก็คือ…ความคาดหวัง!! ยังไม่ใช่ของจริง เพราะจนถึงเวลานี้ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และการใช้นโยบายซีโร่โควิด ยังคงเข้มข้น แม้จีนจะลดวันกักตัวลง เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์กันไปบ้างก็ตาม

นอกจากนี้ในปีหน้า เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญหลายความเสี่ยง จนทำให้สภาพัฒน์เองต้องปรับลดเศรษฐกิจโลกลง โดยเหลือเพียงแค่ 3.1% ในปีนี้ และเหลือ 2.6% ในปี 66

ในเมื่อโลกทั้งใบ!! ยังสั่นคลอน ก็หนีไม่พ้นที่ประเทศไทย ย่อมต้องสั่นคลอนไปด้วยเช่นกัน แม้เวลานี้สภาพัฒน์บอกว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจเวลานี้ กำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่า “เครื่องยนต์” ในด้านการใช้จ่ายของภาครัฐกำลังหดหายไป โดยเฉพาะในเรื่องของสาธารณสุขที่ต้องนำมาใช้ดูแลเรื่องการระบาดของโควิด ที่เคยต้องออกพ.ร.ก.กู้เงินมาใช้วงเงินถึง 5 แสนล้านบาท

จึงไม่ใช่เรื่องผิดแปลกหากการใช้จ่ายภาครัฐ ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จะติดลบถึง 0.6% และยังเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 เดือนครึ่ง

ต้องยอมรับความจริงกันด้วยว่า “ระบบเศรษฐกิจไทย” ยังจำเป็นที่ต้อง พึ่งพาการใช้จ่ายภายในประเทศ อยู่เป็นจำนวนไม่น้อยทีเดียว สะท้อนให้เห็นได้จากการที่รัฐบาลต้องงัดมาตรการทางด้านการคลัง ออกมากระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ โดยเฉพาะโครงการในดวงใจอย่าง “คนละครึ่ง”

ขณะเดียวกัน!! ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเวลานี้คนไทย กำลังอยู่ในสถานการณ์ “เที่ยวล้างแค้น” เพราะอัดอั้นมานานกว่า 2 ปี การพิษสงของโควิด-19 ต่อให้สถานการณ์การระบาดในเวลานี้กำลังเพิ่มมากขึ้นทั่วโลกก็ตาม

แต่ในเมื่อโควิด…ได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว ก็ไม่สามารถแรงทัดทานการเที่ยวล้างแค้นได้ มีการประมาณกันว่า ในปี 65 นี้ บรรดาคนไทยจะแห่แหนกันไป “เที่ยวเมืองนอก” กันมากถึง 1.2 ล้านคน จากเดิมที่เคยทำสถิติสูงสุดไว้ที่ 11.2 ล้านคน ในปี 62

โดยเฉพาะในช่วงนี้ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว และประเทศญี่ปุ่น จะครองแชมป์ประเทศที่คนไทยออกไปเที่ยวล้างแค้น มีการประมาณกันว่าในปีหน้า คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นจะทะลุ 1.2 ล้านคน

ขณะที่ไตรมาสสุดท้าย จะมีเงินสะพัดนอกประเทศไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาทแน่นอน โดยในปี 62 นั้น มีเงินสะพัดนอกประเทศมากกว่า 3.9 แสนล้านบาท

อย่างที่บอก…ในเมื่อประเทศไทยยังต้องการแรงสนับสนุนเศรษฐกิจ จากการใช้จ่ายในประเทศ ดังนั้น!! เสียงเรียกร้องจากเลขาฯสภาพัฒน์ ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในไทยกันก่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ด้วยความคาดหวังว่า…หากคนไทยเดินทางภายในประเทศ ยอดการใช้จ่ายก็จะหมุนเวียนในประเทศ แถมยังมีมาตรการดึงดูดการท่องเที่ยวมากมาย ทั้ง “เที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 หรือการผนึกกำลังของบรรดาสายการบิน ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ต่าง ๆ ที่จัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นพิเศษ เพื่อดึงดูดก็มีไม่น้อย

ณ วันนี้ ฟันธงได้เลยว่า…เสียงเรียกร้องของ “สภาพัฒน์” น่าจะเข้าหูซ้ายออกหูขวา…เสียมากกว่า เพราะอย่าลืมว่า คนไทย น่ะ “แชมป์ชอปปิ้ง”

……………………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img