ฝ่ายค้าน มุ่งถล่ม “กองทัพ” หยิบข้อมูลเท็จพูดในสภา

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย แต่การเคลื่อนไหวนอกสภายังคงมีต่อไปจนกว่าจะขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่ง

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https: //thekey.news  ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่  4 ก.ย.64 สถานการณ์ในประเทศ เจอทั้งโรคระบาดโควิด-19 และยังมีการเคลื่อนไหวขับไล่นายกรัฐมนตรีทั้งในสภา และ นอกสภา

@@@…….ฝ่ายความมั่นคง มองว่า พรรคการเมืองฝ่ายค้าน และกลุ่มเห็นต่าง ร่วมกันเคลื่อนไหวอย่างสอด คล้องทั้งในสภาฯและนอกสภาฯ เพื่อหวังกดดันให้เกิดการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้น รวมทั้งพยา ยามด้อยค่ารัฐบาลต่อสายตาประชาชน โดยคาดหวังให้ออกมาร่วมชุมนุมกดดันหากนายกรัฐมนตรี ยังคงอยู่ในตําแหน่งต่อไป ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในสื่อสังคมออนไลน์กลุ่มเห็นต่างพยายามสร้างกระแสในเชิงเห็นด้วยกับข้อมูลการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อคล้อยตาม อีกทั้งยังใช้สร้างแรงจูงใจให้มวลชนออกมาร่วมชุมนุมที่หน้ารัฐสภา

@@@……ยุคสมัยเปลี่ยน แม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ก็เปลี่ยนไปถึงขั้นฟ้องร้อง แจ้งความดำเนินคดี เพราะฝ่ายค้านนำเอกสารข้อมูลอันเป็นเท็จเรื่องของการปฏิบัติการไอโอโดยกองทัพมาพูดในที่ประชุมสภา เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของกองทัพ…..การใส่ร้าย ให้ร้าย แสดงวาทะหยาบคาย ใช้หลักฐานเท็จอ้างอิง เหน็บแนมเพื่อผลสู่ความเกลียดชังในรัฐสภาฯ ทั้งหมดไม่เป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชน เป็นอุปสรรคในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมที่ดีงามของชาติ อคติต่อการภารกิจปฏิบัติการข่าวสารของเหล่าทัพ แสดงถึงความไม่เข้าใจ ไม่ยอมเข้าใจ และจงใจใส่ความด้อยค่า โดยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย คิดเอาตัวเองเป็นตัวอย่างของการบิดเบือนข้อมูล โจมตีฝ่ายตรงข้าม และสร้างชุดข้อมูลเท็จเพื่อด้อยค่าภาครัฐ และคิดว่าภาครัฐก็ทำเช่นนั้นด้วย เป็นความเข้าใจที่ผิด .. ใครทำอะไรผิด ใครสร้าง Fake News ผิดกฏหมายก็ต้องรับโทษทัณฑ์ไปตามกรรม ไม่มีละเว้นแม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐก็ตาม

@@@……การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และอีก 5 รัฐมนตรี ที่สอดรับกับการชุมนุมผิดกฎหมายของม็อบข้างถนนนั้น มุ่งมั่นทำลายความเชื่อมั่นการบริหารงานภาครัฐ โดยไม่สนใจผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากกำจัดนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันให้ออกไปให้พ้นทางจากกระบวนล้มรัฐ ล้มสถาบัน เนื่องจากปราการที่แข็งแกร่งที่ยืนขวางกระบวนการล้มล้างการปกครอง และจาบจ้วงสถาบันอยู่นั้น คือ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และฝ่ายความมั่นคงนั่นเอง..กลุ่มผู้ไม่หวังดีจึงต้องคว่ำรัฐบาลชุดปัจจุบันลงให้ได้ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ก็เป็นโอกาสอันดีที่ภาครัฐจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้เกิดความกระจ่างมากขึ้น จากทั้งวาทะกรรมใส่ความ หยาบคาย ในรัฐสภาฯ ซึ่งเป็นเรื่องน่าละอาย และการบิดเบือนข้อมูลที่ไม่สร้างสรรค์อย่างมาก ทั้งนี้ ผู้คนมีสิทธิ์ที่จะกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของภาครัฐที่ลดลง น่าเสียดายที่วิธีที่กลุ่มพรรคฝ่ายค้านพูดถึงปัญหาเหล่านี้ สามารถแบ่งขั้วได้ และการโต้เถียงก็จบลงที่วาทะของหนึ่งในสองค่ายสุดโต่งทางการเมืองเท่านั้น 

@@@……กลับมาที่ภารกิจของรองนายกรัฐมนตรี…..พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำลังสำรอง ประจำปี 64 ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดยที่ประชุมรับทราบและพิจารณาร่างแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม ปี 2566 – 2570 โดยมีสาระสำคัญ มุ่งสู่การพัฒนาและใช้กำลังสำรองสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้ทุกรูปแบบ มีการบรรจุและใช้กำลังพลสำรองที่เป็นรูปธรรม ทดแทนกำลังประจำการบางตำแหน่งได้ตั้งแต่ยามปกติ  และมีการพัฒนาเสริมสร้างเครือข่ายครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยมีขั้นตอนการดำเนิน การตามระยะเวลา พร้อมย้ำขอให้ คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองให้เป็นไปตามเป้าหมายและเกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

@@@……ส่วนที่กระทรวงกระทรวงกลาโหม……พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ (ศูนย์ความร่วมมือด้าน AI & Robotics) ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการทหาร กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม เขตคลองเตย กรุงเทพ ฯ สำหรับศูนย์ความร่วมมือด้าน AI & Robotics จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานความร่วมมือด้านบุคลากร ห้องปฏิบัติการ และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ สำหรับสนับสนุนและส่งเสริมงานด้านความมั่นคงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับเครือข่ายการวิจัยและภาคเอกชน 

@@@……นอกจากนี้ยังใช้เป็นศูนย์ข้อมูลและศูนย์พัฒนาบุคลากรทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ของกระทรวงกลาโหมและเครือข่าย รวมถึงเพื่อพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ให้ได้ผลงานและนวัตกรรม สำหรับใช้สนับสนุนภารกิจของหน่วยงานด้านความมั่นคงและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมทั้งการประยุกต์ใช้งานในภาคพลเรือน โดยมีการบริหารจัดการในรูปของคณะกรรมการและคณะทำงานโดยคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เพื่อให้พร้อมสำหรับการดำเนินการร่วมกับเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาทุกภาคส่วน

@@@……เรื่องของการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลเร่งดำเนินการรองรับการกลับเข้าทำงานและดำเนินกิจกรรมต่างๆของประชาชนตั้งแต่กันยายนนี้  สำหรับกองทัพบก ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้ง รพ.สนามศูนย์คัดกรอง บริการตรวจหาเชื้อโควิดครบวงจรแบบ One Stop Service ขึ้นแล้ว 3 แห่ง คือ รพ.สนามศูนย์คัดกรองสโมสรทหารบก, รพ.สนามศูนย์คัดกรองค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี และรพ.สนามศูนย์คัดกรองแหล่งสมาคมฯ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ จ.สระบุรี 

@@@……ล่าสุด กองทัพบกได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง ปรับรพ.สนาม ในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 11 กทม. เพิ่มการบริการประชาชนทั้งในเรื่องการตรวจหาเชื้อและการรักษาผู้ติดเชื้อ โดยได้จัดตั้งเป็น รพ.สนามศูนย์คัดกรองกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ 11) เปิดให้บริการตั้งแต่ 1 ก.ย. 2564 นับเป็นศูนย์คัดกรองแห่งที่ 4 โดยจะเป็นศูนย์คัดกรองอีกแห่งหนึ่งที่ให้บริการครบวงจรแบบ One Stop Service ด้วยการตรวจคัดกรองเบื้องต้น (ATK) และการตรวจยืนยันโควิด (RT-PCR) 

@@@……พร้อมให้การรักษา พบแพทย์ รับยาและนำเข้าสู่ระบบการรักษาตัวที่บ้าน การรักษาตัวที่ชุมชน หรือส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ.สนาม ภายในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งได้ปรับเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยผู้ติดเชื้อในทุกระดับ ทั้งที่ไม่มีอาการ คือเป็นผู้ป่วยสีเขียว จนกระทั่งมีอาการหนัก ในระดับสีเหลืองและแดง ที่สำคัญคือได้จัดระบบการให้บริการตรวจหาเชื้อแบบ Drive Thru โดยผู้เข้ารับการตรวจไม่ต้องออกจากรถ สามารถขับรถเข้าสู่ช่องทางการตรวจตามที่เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งจะเป็นการลดการสัมผัสและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้มากยิ่งขึ้น สามารถให้บริการประชาชนได้ 1,000 คน/วัน และให้บริการแบบ Drive Thru ได้ 400 คัน/วัน โดยจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านแอพ QueQ 1 วัน 

@@@……โดย พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางไปให้กำลังใจและเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ รพ.สนามศูนย์คัดกรองกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ 11) โดยย้ำว่าศูนย์คัดกรองแห่งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ผู้ที่ต้องการตรวจหาเชื้อเพื่อเข้าสู่การรักษา หรือยืนยันว่าตนเองไม่ติดเชื้อพร้อมสำหรับการเข้าทำงานและดำเนินกิจกรรมหรือประกอบกิจการที่จำเป็นต้องมีการแสดงผลการตรวจเชื้อ นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังได้มอบให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 ทบ. ได้ประสานจัดหาพื้นที่ในหน่วยทหารหรือพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อจัดตั้งศูนย์คัดกรองเพิ่มเติมตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย

@@@……พล.ร.อ.ชาติชาย  ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ  (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลคุณภาพกองทัพเรือและนาวีวิจัย ประจำปี 2564 ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ โดยในปีนี้ มีผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ เสนอขอเข้ารับรางวัลยกย่องเกียรติคุณนักวิจัยของกองทัพเรือรวมจำนวน 13 ผลงาน ประกอบด้วยผลงานวิจัยและพัฒนาด้านยุทโธปกรณ์ จำนวน 2 ผลงาน ผลงานด้านสิ่งประดิษฐ์ จำนวน 6 ผลงาน และผลงานด้านหลักการ จำนวน 5 ผลงาน ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลดีเด่น หน่วยเจ้าของผลงานจะได้รับโล่เกียรติคุณ นายทหารโครงการและนักประดิษฐ์ จะได้รับโล่และประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัลผลงานที่ได้รับรางวัลชมเชย นายทหารโครงการและนักประดิษฐ์ จะได้รับโล่และประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล และผลงานโครงการวิจัยที่เข้าสู่สายการผลิตของกองทัพเรือ จำนวน 8 โครงการ จะได้รับโล่รางวัล

@@@……พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ เป็นประธานรับมอบห้อง ICU ความดันลบเคลื่อนที่ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ จาก ดร.วิภารัตน์  ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้กับโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เพื่อนำไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-๑๙ เกณฑ์สีเหลืองและสีแดง ณ ห้องรับรองพิเศษ 1 กองบัญชาการกองทัพอากาศ

@@@……สำหรับห้อง ICU ความดันลบดังกล่าว จะช่วยลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้ป่วยรายอื่น รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติงาน เนื่องจากมีหลักการทำงาน ที่มีการปรับแรงดันภายในห้องให้ต่ำกว่าภายนอก เพื่อไม่ให้อากาศภายในห้องที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่แพร่กระจายออกไป ซึ่งห้องความดันลบจะบำบัดอากาศจนปราศจากเชื้อก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก และสามารถกักกันเชื้อโรคให้อยู่ในบริเวณที่ควบคุมได้ ทำให้พื้นที่ในโรงพยาบาลมีความปลอดเชื้อ 

 ………………………

 คอลัมน์ “Military Key”

โดย “รหัสมอร์ส”