วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ม็อบสามนิ้ว” แนวรบที่ยืดเยื้อ-สู้อีกยาว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ม็อบสามนิ้ว” แนวรบที่ยืดเยื้อ-สู้อีกยาว

การชุมนุมของ “ม็อบสามนิ้ว” ที่แยกราชประสงค์เมื่อเย็น-ค่ำวันพุธที่ 24 มี.ค. เห็นได้ชัดว่าช่วยปลุกความคึกคักให้กับกองเชียร์-แนวร่วมม็อบสามนิ้วมากพอสมควร เพราะเป็นการนัดทำกิจกรรมของม็อบสามนิ้ว ที่มีคนมาร่วมกิจกรรมมากที่สุดในช่วงหลัง

โดยเฉพาะตังแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นมา แม้ไม่ได้พีคเหมือนเดิม คนไม่ได้มาหลายพัน-หลักหมื่น แบบในช่วงม็อบสามนิ้วพีคๆ แต่หากดูจากแนวเคลื่อนไหวที่ใช้เวลานัดรวมตัว แจ้งการทำกิจกรรมล่วงหน้าเพียง 1-2 วัน และแกนนำตัวหลักๆ ต่างมาไม่ได้เพราะอยู่ในเรือนจำหลายคน โดยเฉพาะแกนนำระดับตัวท็อป แต่คนก็มาร่วมชุมนุมด้วยจำนวนหนึ่ง แม้อาจไม่ได้มากเหมือนช่วงม็อบสามนิ้วพีคสุดขีด

ที่สำคัญ เป็นการชุมนุมที่ไม่ได้มีเหตุรุนแรง ไม่มีการปะทะใดๆ กับตำรวจ หลังก่อนหน้านี้ การนัดรวมตัวของม็อบสามนิ้ว มักจะมีเหตุเผชิญหน้ากับตำรวจ มีการทำลายทรัพย์สินทางราชการ จนถึงขั้นการเผาทำลายบางอย่างที่ไม่สมควร จนทำให้ภาพลักษณ์ของม็อบสามนิ้ว ติดลบอย่างหนัก

แต่เมื่อการนัดชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้จะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยเฉพาะคนกรุงเทพมหานครจำนวนมาก ต้องเดือดร้อนจากปัญหาการจราจร ที่มีการปิดถนนเพื่อชุมนุมทางการเมือง แต่โดยภาพรวม กองเชียร์ม็อบสามนิ้วคงใจชื้นขึ้นบ้างว่า แม้ม็อบสามนิ้ววันนี้ อาจแผ่วไปบ้าง แต่ก็ยังพอมีมวลชนมีกองเชียร์อยู่ ส่งผลช่วยปลุกเร้ากำลังใจในการเคลื่อนไหวทำกิจกรรมกันต่อไป เพราะดูยังไง ก็เห็นชัด ม็อบสามนิ้วหากไม่เลิกรากันไปเสียก่อน การต่อสู้คงสู้กันหลายยก สู้กันยาว โดยเฉพาะกับข้อเรียกร้องหลักของม็อบที่เป็นประเด็นอ่อนไหวทางสังคม อย่างเรื่อง…

“การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์-การยกเลิกมาตรา 112”

ที่มองยังไง โอกาสความเป็นไปได้ แทบมองไม่เห็นว่าจะสำเร็จได้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในอนาคตอันใกล้

โดยข้อเรียกร้องของม็อบสามนิ้ว ที่ดูแล้วอาจพอเป็นไปได้บ้าง แต่ก็ยากเช่นกัน แต่ก็ยังมีโอกาสลุ้นมากกวา ก็คือข้อเรียกร้อง “ปล่อยเพื่อนเรา” ที่กองเชียร์ มวลชนสามนิ้ว ต้องการให้ศาลอาญาปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำ-แนวร่วมม็อบสามนิ้ว โดยเฉพาะแกนนำตัวท็อป ไม่ว่าจะเป็น พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน)-น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง)-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่ ดาวดิน)-อานนท์ นำภา-ภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์)-สมยศ พฤกษาเกษมสุข-ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงค์) ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีตามมาตรา 112 และคดีอื่นๆจากการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง

เพราะถึงแม้ ศาลจะมีคำสั่งไม่ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งหมดตามรายชื่อข้างต้นที่ทนายความและครอบครัวของแกนนำม็อบสามนิ้วยื่นต่อศาลไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีการมองกันว่า ยังไง…เรื่องการลุ้นให้ สักวันหนึ่ง ศาลอาจยอมให้ปล่อยตัวแกนนำตามรายชื่อดังกล่าว ยังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า แม้ต่อให้จะลุ้นยากโดยเฉพาะบางคนเช่น “พริษฐ์ ชิวารักษ์-เพนกวิน” ที่ไปอ่านจดหมายแถลงการณ์ส่วนตัวกลางห้องพิจารณาคดีที่ศาลอาญา ในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งศาลอย่างรุนแรง ชนิดแม้แต่จำเลยคดีฆ่าคนตาย-คดีค้ายาเสพติด ก็ยังไม่เคยมีใครทำ อันเป็นการขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลและประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล จนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกศาลอาญาสั่งลงโทษกักขังแทนโทษจำคุกมีกำหนด 15 วัน

เลยยิ่งทำให้ มีการมองกันว่า โอกาสที่แกนนำม็อบสามนิ้วอย่าง เพนกวิน จะได้รับการประกันตัว ยิ่งยากขึ้นไปอีก แต่กระนั้น หากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ไม่แน่เช่นกัน ยังมีโอกาสเช่นกันกับการลุ้นให้ศาลอาจมีคำสั่งให้ประกันตัวแกนนำม็อบสามนิ้วบางคนตามรายชื่อข้างต้นก็ได้

สิ่งที่น่าติดตามต่อไป ก็คือ เมื่อข้อเรียกร้องหลักในเวลานี้ ของม็อบสามนิ้ว คือ ยกเลิก 112-ปล่อยแกนนำ-ปฏิรูปสถาบันฯ จึงแลเห็นชัดว่า การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ยังไง…ก็สู้กันยาว แล้วกระบวนยุทธ์-การบริหารจัดการของเครือข่ายม็อบสามนิ้ว จะดำเนินต่อไปอย่างไรหลังจากนี้

จุดหนึ่งที่แลเห็น จากการนัดชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อ 24 มี.ค. ก็คือเป็นการชุมนุมที่มีแกนนำ-ผู้ประสานงาน ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ มีการปราศรัยอย่างเป็นเรื่องราว จากแกนนำม็อบคณะราษฏร 63 ที่แม้อาจไม่ได้เป็นแกนนำเหมือนกลุ่มแรกที่อยู่ในเรือนจำ แต่หลายคนก็คือเครือข่ายแกนนำที่ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มม็อบปลดแอกมาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล (มายด์)-น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-อรรถพล บัวพัฒน์ (ครูใหญ่)

สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวทั้งหน้าฉากและหลังฉากม็อบสามนิ้ว เริ่มเห็นแล้วว่า ในบางจังหวะหากจะให้มีการชุมนุมโดยไม่มีแกนนำ-ตัวประสานอยู่ในพื้นที่ ไม่มีการจัดเวทีปราศรัย ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการเคลื่อนไหวระยะยาว โดยเฉพาะหากจัดชุมนุมแล้วเกิดเหตุรุนแรงทุกครั้ง ก็จะทำให้ การเคลื่อนไหวครั้งต่อๆ ไปจะมีคนมาร่วมน้อยลงโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาในระดับสถาบันอุดมศึกษา-ชนชั้นกลางในกรุงเทพฯจนกลายเป็นว่า จะมีแต่กลุ่มหัวรุนแรง-เด็กอาชีวะ ที่ต้องการปะทะกับตำรวจมาร่วมชุมนุม โดยไม่มีเนื้อหาการเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นรูปธรรม ที่หากปล่อยให้เกิดเหตุเช่นนั้นขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้วจะเสียความชอบธรรม

จึงไม่แปลกที่หลังจากนี้ การนัดชุมนุมหรือทำกิจกรรมครั้งต่อๆไป จะได้เห็นแกนนำหรือตัวประสานในพื้นที่ปรากฏตัวให้เห็นมากขึ้น เพื่อควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในความเรียบร้อยมากขึ้น

แม้จะพบว่า แกนนำบางคน ก็มีชนักติดหลังเรื่องคดีความอยู่เช่นกัน อย่าง น.ส.ภัสราวลี-เบนจา อะปัญ-อรรถพล บัวพัฒน์ ก็มี “คดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี” ที่บุคคลเหล่านี้ถูกแจ้งข้อหาในความผิดตาม ป.อาญา ม.112 และยุยงปลุกปั่นฯ ม.116 และข้อหาอื่นๆ ที่ล่าสุดอัยการ ก็เลื่อนการนัดฟังคำสั่งคดีจาก 25 มี.ค. ไปเป็น 13 พ.ค.2564 ที่หากมีการสั่งฟ้อง แล้วศาลไม่ให้ประกันตัว ทั้งหมดก็ต้องเข้าเรือนจำเหมือนเช่นแกนนำคนอื่นๆ แต่ก็เชื่อว่า ยังไงกลุ่มม็อบสามนิ้วก็คงดันแนวร่วมคนอื่นๆ ขึ้นมาเป็นผู้ประสานงานเพื่อรับไม้่ต่อในการเคลื่อนไหวต่อไป หรือไม่แน่ ศาลอาจให้ประกันตัวก็ได้ แต่ก็อาจทำให้ทั้งสามคน ต้องลดโทนการเคลื่อนไหวลงมาไม่มากก็น้อยเพื่อเลี่ยงการถูกยื่นถอนประกัน

ขณะเดียวกัน ก็มีการมองกันว่า เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม หากม็อบสามนิ้วต้องการให้การเคลื่อนไหวมีความเป็นรูปธรรมากขึ้น ก็อาจจะต้องชูธงข้อเรียกร้องที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น สามารถจับต้องได้มากกว่าเรื่อง 112-ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่บางเรื่องหากม็อบนำมาเป็นประเด็นการเคลื่อนไหวอาจทำให้มีแนวร่วมกลับมาร่วมชุมนุมได้มากขึ้น

เช่นกรณี “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่รัฐสภาไม่ผ่านความเห็นชอบร่างแก้ไขรธน.วาระสาม ก็พบว่า ม็อบสามนิ้ว กลับไม่ได้นำประเด็นนี้มาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทั้งที่เคยเป็นข้อเรียกร้องหลักที่หลายฝ่ายเห็นด้วยอย่างมาก จนสร้างแรงกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลยอมเสนอร่างแก้ไขรธน.เข้ารัฐสภามาแล้วก่อนโดนคว่่ำ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากม็อบสามนิ้วแต่อย่างใด ในเรื่องการแก้ไขรธน.ที่ถูกล้มกระดาน

ทำให้มีการมองกันว่า หลังเปิดสภาฯ เดือนพ.ค. หากม็อบสามนิ้วจะนำเรื่องการแก้ไขรธน.ที่พรรคการเมืองจะเสนอแก้ไขรธน.รายมาตราเช่น “ปิดสวิทช์อำนาจสว.ในการโหวตนายกฯ” หากม็อบสามนิ้วเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขประเด็นเหล่านี้ ก็น่าจะทำให้เป็นการเคลื่อนไหวที่ทรงพลังมากกว่าจะไปเรียกร้องแต่เรื่อง 112-ปฏิรูปสถาบันฯ-ปล่อยเพื่อนเรา

ทั้งหมดทำให้แลเห็นได้ว่า การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้วและผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพียงแต่อาจจะมีการปรับกระบวนทัพ-รูปแบบการเคลื่อนไหวให้สอดรับกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง ซึ่งก็คงเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องควบคุมดูแลการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยต่อไป หลังเห็นชัด แนวรบนี้สู้กันยืดเยื้อยาวนาน ทะลุยาวข้ามปีแน่นอน

……………………………..

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img