วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเพ้อหรือไม่“บิ๊กป้อม”นายกฯขัดตาทัพ “ติดล็อกหลายชั้น-คาดสำเร็จยาก”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เพ้อหรือไม่“บิ๊กป้อม”นายกฯขัดตาทัพ “ติดล็อกหลายชั้น-คาดสำเร็จยาก”

เห็นได้ชัด แต่ละก้าวย่างทางการเมือง ของ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ทุกวันนี้ ถูกจับตามองทุกฝีก้าว อย่างแค่หายไปตอนช่วงสงกรานต์ ข่าวลือการเมือง ก็โยงไปว่า บินไปต่างประเทศ เพื่อไปพูดคุยการเมืองกับ “ทักษิณ ชินวัตร”

ถึงขั้นโยงไปว่า พล.อ.ประวิตรจะจับมือกับเพื่อไทย และทักษิณ เพื่อ “ล้ม-โค่น” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนนายกฯ ถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงกลางปีนี้

ด้วยการทำให้พล.อ.ประยุทธ์หลุดจากตำแหน่ง เพราะได้เสียงไว้วางใจไม่ถึงกึ่งหนึ่ง โดยลือกันเป็นตุเป็นตะ ทั้งที่ “ทักษิณ” เคยปรามาส “พล.อ.ประวิตร” ว่า…ได้เป็นผบ.ทบ.เพราะมาเกาะขอบโต๊ะสมัยทักษิณป็นนายกฯ เรียกได้ว่า “หยามกันมาก” จนไม่น่าที่พล.อ.ประวิตรจะยอมทักษิณได้

แต่ข่าวลือการเมือง ก็ลือกันไปว่า “พล.อ.ประวิตร” กับ “พล.อ.ประยุทธ์” แตกคอกันแล้ว พล.อ.ประวิตรหวังจะเป็นนายกฯสักครั้งในชีวิต จึงจะเปิดดีลกับทักษิณ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ หากพล.อ.ประยุทธ์หลุดจากตำแหน่ง ก็ให้โหวต “นายกฯคนนอก” แล้วถ้าพล.อ.ประวิตรได้เป็นนายกฯคนนอก ก็จะดึง “เพื่อไทย” มาตั้งรัฐบาลกับ “พลังประชารัฐ”

ข่าวกระแสนี้ ลอยมาโดยโยงกันเป็นเรื่องเป็นราวว่า ที่พล.อ.ประวิตรเคลื่อนไหวช่วงนี้เพราะว่า ไม่มีโอกาสไหนเหมาะสุดแล้วเท่ากับช่วงกลางปีนี้ เพราะอายุของสภาฯที่จะครบ 4 ปี มีนาคมปีหน้า ก็เท่ากับอายุสภาฯ และอายุรัฐบาล ก็เหลืออีกแค่ประมาณ 9 เดือน เจ้ากรมข่าวลือทางการเมืองเลยบอกว่า แค่นี้พล.อ.ประวิตรก็น่าจะพอใจแล้ว อีกทั้งยังเป็นนายกฯช่วงรักษาการตอนเลือกตั้ง-ตั้งรัฐบาลใหม่ อีกร่วมประมาณ 2 เดือนไปจนถึงเดือนพ.ค.-มิ.ย. ปีหน้า รวมเบ็ดเสร็จก็ร่วมๆ 10 เดือน

ผสมกับอีกหลายเหตุการณ์ ที่ผสมปนเปเข้ามา เช่นการที่พลังประชารัฐ ไปขึ้นป้ายพล.อ.ประวิตรอวยพรปีใหม่ ช่วงสงกรานต์และขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ตามถนนเส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางจากกรุงเทพฯไปภาคอีสาน จนถูกตีความไปต่างๆ ว่า พล.อ.ประวิตรและพลังประชารัฐ กำลังคิดอะไรอยู่

แล้วยิ่งช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรไปหลุดปากเรื่อง “นายกฯสำรอง” หากพล.อ.ประยุทธ์หลุดจากตำแหน่งช่วงก่อนส.ค. หากฝ่ายค้านยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่เป็นนายกฯเกิน 24 ส.ค.นี้ ที่จะครบ 8 ปี หากนับตอนช่วงรัฐบาลคสช.ที่เป็นนายกฯตอนส.ค.ปี 2557 ด้วยได้หรือไม่ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าให้รวมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ก็จะหลุดจากตำแหน่งทันทีภายในไม่เกินส.ค.นี้

มันก็เลยยิ่งทำให้ แวดวงการเมืองยิ่งเอาเรื่อง “ข่าวดีลกับทักษิณ” มาผสมกับเรื่อง “นายกฯสำรอง” เลยโยงกันไปต่างๆ ว่า รอบนี้ “บิ๊กป้อม” สงสัยเอาแน่ หวังเป็นนายกฯสักครั้งในชีวิต

ผ่านช่องทางการเป็น “นายกฯคนนอก” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เนื่องเพราะตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่รัฐธรรมนูญให้พรรคการเมืองเสนอชื่อคนที่พรรคจะเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯต่อกรรมการการเลือกตั้ง และประกาศต่อประชาชน ซึ่งปรากฏว่าตอนนั้น “พลังประชารัฐ” เสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เพียงคนเดียว

ดังนั้น หากพล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกฯรอบนี้ ก็ต้องมาด้วย“ช่องทางพิเศษ” คือ “นายกฯคนนอก-นายกฯขัดตาทัพ” ช่วงเปลี่ยนผ่าน หลังพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ

พี่น้อง 3 ป.

แม้ต่อให้ที่ผ่านมา “พล.อ.ประวิตร-พล.อ.ประยุทธ์” รวมถึง “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” จะออกมาประสานเสียงและแสดงออกหลายครั้งว่า “พี่น้อง 3 ป.” ยังรักกันเหนียวแน่น ไม่มีแตกคอ พวกเสี้ยมให้แตกคออย่างได้หวัง ถึงขั้นพล.อ.ประยุทธ์ประกาศหลายรอบ “ไม่มีใครทำลายความสัมพันธ์ 3 ป.ได้”

กระนั้น วงการทางการเมือง ที่มีคำพูดในวงการว่า “ข่าวลือมักมาก่อนข่าวจริง” ก็ยังไม่หยุดที่จะลือกันไปว่า อย่าได้ประมาทพล.อ.ประวิตร เพราะอาจ “เดินเกมลึก” เพื่อหวังเป็นนายกฯในช่วงบั้นปลายชีวิต และเป็นช่วงสั้นๆ ที่เหมาะกับอายุขัยและสุขภาพของพล.อ.ประวิตร

ด้วยเหตุนี้ ทางการเมือง เลยยังบอก ให้จับตากันไว้ ช่วงศึกซักฟอกกลางปีนี้ อาจมีความเคลื่อนไหวแบบเดินเกมลึกของบางคน-บางกลุ่ม เพื่อหวังพลิกหน้ากระดานการเมือง จนเกิดรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลช่วงสั้นๆ และคนที่จะขึ้นมาแทน “บิ๊กตู่” ก็คือ “บิ๊กป้อม”

แล้วยิ่งมาเจอตอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทาง 2 แกนนำ “พรรคเศรษฐกิจไทย” คือ “พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งสองคนนี้ รู้กันทางการเมืองว่า เป็นคู่แค้น-ไม่กินเส้นกับบิ๊กตู่อยู่แล้ว

ล่าสุดทั้งสองคน ออกมาสำทับ เอาด้วยกับสูตรนายกฯคนนอก และเชียร์ให้พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ

หลังถูกสื่อถามเรื่อง “นายกรัฐมนตรีสำรอง มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดขึ้น” ซึ่ง “ธรรมนัส” บอกว่า “เรื่องนี้ไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้มองไปถึงจุดนั้น เพราะมองไปแค่จุดเดียวคือเรื่องการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม เราต้องเตรียมพรรคให้พร้อม ส่วนเรื่องนายกฯสำรอง ไม่ทราบ”

ส่วนที่มีผู้เสนอให้พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ จะเป็นได้หรือไม่ “ธรรมนัส” กล่าวว่า “อยู่ที่ตัวพล.อ.ประวิตร หากถามว่าสามารถเป็นนายกฯได้หรือไม่ ความจริงท่านก็เป็นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่าน

ปิดท้ายที่คำถามที่ว่า กรณีที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเกิดอุบัติเหตุการเมืองในสภาฯ มองเรื่องบัญชีนายกฯอย่างไร “ธรรมนัส” บอกว่า “ในความคิดเห็นของผม คงใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 สำหรับบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขในสถานการณ์นี้ได้”

ส่วน “บิ๊กน้อย-พล.อ.วิชญ์” หลังถูกถามเรื่อง “ธรรมนัส” เสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคสอง ให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองว่า “น่าจะเป็นไปได้ หากทุกอย่างนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ก็อาจจะเป็นไปได้”

สื่อถามย้ำว่า ใครที่เหมาะสมเป็นนายกฯคนนอกได้ พล.อ.วิชญ์ ตอบชัด “ผมไม่ได้มองใคร ผมมองแค่ พล.อ.ประวิตร เพราะท่านมีความเหมาะสม ที่สามารถจะช่วยประเทศได้ในเวลานี้”

ซึ่งในทางการเมือง ไม่ต้องบอก ใครต่อใครก็รู้ว่า พรรคเศรษฐกิจไทย ก็คือ “พรรคสาขา” ของ “บ้านป่ารอยต่อฯ” ที่แม้พล.อ.วิชญ์ จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่หัวหน้าพรรคตัวจริง ก็คือพล.อ.ประวิตร และทั้ง พล.อ.วิชญ์และธรรมนัส ก็คือ “น้องรัก-ลูกน้องคนโปรด” ของพล.อ.ประวิตร

ดังนั้น ท่าทีของพล.อ.วิชญ์และธรรมนัส ที่เอาด้วยกับสูตรนายกฯคนนอก หากประตูบานนี้เปิดออกได้ จึงไม่ธรรมดา มันแฝงไว้ด้วย “นัยยะ-รหัสการเมือง” ที่ชวนให้แกะรอย “เบื้องหน้า-เบื้องหลัง” ต่อจากนี้

แต่ทว่า หากไปเรื่อง “นายกฯคนนอก-นายกฯขัดตาทัพ” ที่พวกพรรคเศรษฐกิจไทย พรรคสาขาของพล.อ.ประวิตร จะเข็นเอา “ลุงป้อม” มานั่่่งเก้าอี้นายกฯ แทน “บิ๊กตู่” หากมองกันที่ “ความเป็นจริง-ความเป็นไปได้” มันไม่ง่าย และมีกระบวนการขั้นตอนหลายชั้น

ลำดับแรก คือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องหลุดจากตำแหน่งก่อน ที่ก็มีได้สองกรณีหลังจากนี้ คือ

1.หลุดเพราะได้เสียงโหวตไว้วางใจไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ของจำนวนส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ ตอนช่วงศึกซักฟอก ทำให้หลุดจากนายกฯกลางสภาฯ 

2.ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถเป็นนายกฯได้เกิน 24 ส.ค.นี้ เพราะรัฐธรรมนูญห้ามเป็นนายกฯเกิน 8 ปี โดยศาลให้นับรวมถึงกรณีเป็นนายกฯช่วงคสช.ด้วย ถ้าพล.อ.ประยุทธ์โดนแบบนี้ ก็ต้องหลุดจากตำแหน่งทันที นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

แค่ด่านแรก ก็ถือว่ายากแล้ว เพราะอย่างการให้นายกฯได้เสียงโหวตไว้วางใจไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็หมายถึงว่ามีส.ส.รัฐบาล ต้องโหวตสวนหรืองดออกเสียงไว้วางใจ ซึ่งหากจะทำ “ฝ่ายล้มนายกฯ” ก็ต้องออกแรงหนักในการไปล็อบบี้ส.ส.รัฐบาล เพราะจะหวังพึ่งแค่เสียงส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย และส.ส.พรรคเล็กอย่างเดียว คงไม่ได้ ยังต้องหาเพิ่มอีก

และที่สำคัญ การจะทำแบบนั้นได้ มันก็ต้องมีเหตุมีผล เช่นนายกฯชี้แจงฝ่ายค้านไม่ได้-มีหลักฐานว่านายกฯทุจริต ไม่สมควรเป็นนายกฯต่อไป แบบนี้ หากส.ส.รัฐบาลจะไม่กดปุ่มไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ สังคมก็พอรับได้ แต่หาก ประเด็นซักฟอกนายกฯของฝ่ายค้านไม่มีน้ำหนักและนายกฯตอบได้หมด แล้วส.ส.จะไปรวมหัวกันเพื่อทำให้นายกฯหลุดจากเก้าอี้ เพราะหวังผลการเมือง คนที่จะโหวตหรือพรรคการเมืองที่ไปเอาด้วยแบบนั้น ก็จะเสียทางการเมือง

และถ้าเอา “เครดิตการเมือง-ความน่าเชื่อถือ-กระแสนิยม-กระแสสังคม” มากางกัน ยังไงชื่อของ “บิ๊กป้อม-พล.อ.วิชญ์-ธรรมนัส” สามคนรวมกัน ก็เทียบเท่า “พล.อ.ประยุทธ์” คนเดียว ยังไม่ได้เลย

โดยหาก พล.อ.ประวิตร “สายตาสั้น-หูเบา” ไปเชื่อฟังการยกยอปอปั้นของบางกลุ่ม เกิดคิดอยากเป็นนายกฯ แล้วไป “ทรยศน้อง-หักหลังพล.อ.ประยุทธ์” ตัวพล.อ.ประวิตรก็เสียทางการเมือง เสียเครดิตชายชาติทหาร

อาจทำให้ลูกพรรคพลังประชารัฐจำนวนมาก ที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์มากกว่าพล.อ.ประวิตร ก็อาจไม่เอาด้วย พร้อมยอมหัก จนออกจากพลังประชารัฐ ไปอยู่พรรคอื่น เพื่อยืนเคียงข้างพล.อ.ประยุทธ์

ยิ่งหากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ทั้งพรรคกลาง-พรรคเล็ก จับมือกันแน่น สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ต่อไป เช่น “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา-รวมพลังท้องถิ่นไท” ตลอดจนพรรคเล็กอื่นๆ และมีการไปดึงเสียงจากพวกส.ส.งูเห่า ของฝายค้านมาได้อีก โดยทั้้งหมด “แพ็กกันแน่น-ไม่มีแตกแถว” ยังไง รวมเสียงกันแล้ว ก็เกินกึ่งหนึ่งอยู่ดี

หรือต่อให้พล.อ.ประยุทธ์ไม่รอดขึ้นมาจริงๆ ยังไงลำดับแรก การเมืองก็ต้องไปดูที่ “แคนดิเดตนายกฯในบัญชีรายชื่อ” ตอนช่วงเลือกตั้งปี 2562 ก่อน ซึ่งก็มีบางคนให้ดันขึ้นไปได้เช่นหากในฝ่ายรัฐบาลก็ยังมีชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีส.ส.ในพรรคร่วม 60 กว่าเสียง แล้วไหนจะ “ส.ส.งูเห่า” ในพรรคอื่นๆ อีก ทั้ง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” รวมแล้วก็เกือบ 70 เสียง

แล้วมีหรือ…หากมีโอกาส “เสี่ยหนู-ภูมิใจไทย” ที่คุมเสียงร่วม 70 เสียง จะไม่ต่อรองเอา “นายกฯคนใน” เอง เรื่องอะไร จะไปหนุนทางลัด “นายกฯคนนอก” ทันที ยังไง “ภูมิใจไทย” ต้องมีต่อรองแน่นอน แต่จะได้หรือไม่ได้ ค่อยว่ากัน   

แต่ด่านสำคัญเลยก็คือ “ขั้นตอนรัฐธรรมนูญมาตรา 272 กระบวนการเลือกนายกฯคนนอก” ที่ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ต้องฝ่าหลายด่าน ทั้งการต้องรวมเสียงสมาชิกรัฐสภาที่ก็คือ ส.ส.และสมาชิกวุฒิสภา ให้ได้เกินกึ่งหนึ่งเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง

ซึ่งหากผ่านด่านนี้ไปได้ ก็ยังมีขั้นตอนโหวตเอา “นายกฯคนนอก” ยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะมติโหวตนายกฯคนนอก ต้องใช้มติ “คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาในการเห็นชอบ นายกฯนอกบัญชีรายชื่อ หรือนายกฯคนนอก”

ที่หากดูองค์ประกอบส่วนนี้ ไม่ต้องดูอื่นไกล เอาแค่กับ “พรรคฝ่ายค้าน” โดยหาก “ทักษิณ-เพื่อไทย” ไปเล่นด้วย กับการให้มี “นายกฯคนนอก” ทั้งที่ “เพื่อไทย” ก็มีรายชื่อนายกฯในบัญชีรายชื่ออย่าง “ชัยเกษม นิติศิริ” อยู่แล้ว โดยไปจับมือกับ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” เอานายกฯคนนอก ไม่เอา “นายกฯในบัญชี” เพียงเพราะเพื่อไทย หวังจะเป็นรัฐบาลช่วงสั้นๆ

ถ้า “ทักษิณ-เพื่อไทย” คิดสั้น ทำแบบนั้น มันก็คือ “การฆ่าตัวตายทางการเมือง” ของ “ทักษิณ-เพื่อไทย”

รับรองได้ว่า แฟนคลับ-กองเชียร์เพื่อไทย “ไม่เอาด้วย” เพราะย่อมเกิดคำถามว่า แล้วพล.อ.ประวิตรดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ตรงไหน จนสุดท้าย แฟนคลับเพื่อไทยจะหันหลังให้เพื่อไทย ไปหนุนพรรคก้าวไกลกันหมด 

หรือแม้แต่กับ “สมาชิกวุฒิสภา” ที่มีอยู่ตอนนี้ 250 เสียง ที่มาจากการเสนอชื่อของพล.อ.ประยุทธ์

การอภิปรายไว้วางใจ 17 ก.พ.65

หากเช็คเสียงในวุฒิสภา ต่างรู้กันว่า สว.ที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์มีมากกว่า สว.สายพล.อ.ประวิตร หลายสิบคน

ดังนั้น หากสว.เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ถูกกระทำทางการเมือง โดยเฉพาะจาก “คนกันเอง” ที่วางแผนโค่นพล.อ.ประยุทธ์ แล้วมีหรือ สว.ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใหญ่กันทั้งสภาฯ จะไปเอาด้วยกับการปลดล็อก เพื่อเอานายกฯคนนอกกันแบบง่ายๆ 

อันนี้แค่ด่านหลักๆ ที่กว่าจะไปเปิดประตูให้มี “นายกฯคนนอก” ได้ มันไม่ง่าย ยังไม่นับรวมกับปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย เช่น บารมีและการยอมรับของพล.อ.ประวิตร ถามว่ามีมากพอที่จะขึ้นมาเป็นนายกฯหรือ ทั้งที่อายุ-สุขภาพ ตอนนี้ก็แทบเข็นกันแล้ว แล้วยิ่งหากมาด้วยวิธีการที่ไม่สง่างาม การยอมรับก็ยิ่งไม่มี มันก็ไปต่อได้ยาก

จากเงื่อนไข-ปัจจัยทั้งหมดข้างต้น เชื่อเถอะว่า คนอย่าง “ลุงป้อม” รู้ดีและอ่านสถานการณ์ขาดหมด คงไม่ได้ฟังแต่เสียง ยุยง-ยกยอปอปั้น จนลืมหูลืมตา จนมองข้ามความเป็นไปได้ ในการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล แล้วนำไปสู่การเปิดประตูให้มี “นายกฯคนนอก”

เพราะการจะทำได้แต่ละขั้นตอน ไม่ใช่ง่ายๆ ลำพังจะหวังแค่เอาพรรคเศรษฐกิจไทย-พล.อ.วิชญ์-ธรรมนัส-พวกพรรคเล็กพรรคน้อย ที่เคยรับ “กล้วย” จากธรรมนัส มาเป็นมือเป็นไม้ โค่นพล.อ.ประยุทธ์แล้วขึ้นเป็น “นายกฯคนนอก” มีหรือคนอย่างพล.อ.ประวิตร จะไม่รู้ว่า “กำลังในมือแค่นี้ มันทำได้ยาก” ฝ่ายค้านก็ใช่ว่าจะเอาด้วย และยิ่งหากมาด้วยวิธีการที่ไม่สง่างาม การยอมรับก็จะไม่มี

เว้นเสียแต่ “บิ๊กป้อม” จะเดินเกมลึกกว่าที่หลายคนคาดคิด มีไพ่ในมือหลายใบ ชนิดหลายคนคาดไม่ถึง และคิดหวังจะเป็นนายกฯขึ้นมาจริงๆ แต่ตอนนี้ หากสื่อหรือใครมาถาม ก็ต้องปัดไปก่อน แต่จริง ๆ วางแผนและหวังเก้าอี้นายกฯ จริง

ถ้าเป็นแบบนี้ ก็รับรอง การเมืองหลังเปิดสภาฯมา เดือดระอุ!

……………………………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย….“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img