วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกEXCLUSIVEวิกฤตโควิด-19 : จะเลือกหนักไปหาเบา หรือ เบาไปหา(อาการ)หนัก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

วิกฤตโควิด-19 : จะเลือกหนักไปหาเบา หรือ เบาไปหา(อาการ)หนัก

คงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยในขณะนี้ เข้าขั้นวิกฤต โดยในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยได้ก้าวทะลุ 9,000 คนต่อวัน และจำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ก้าวทะลุ 70 คนต่อวันไปแล้ว

คำถามสำคัญที่ทุกๆคนต้องการได้คำตอบอย่างเร่งด่วนคือ รัฐจะมีมาตรการในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤตนี้อย่างไร ในบทความนี้คณะผู้เขียน มีความตั้งใจที่จะนำเสนอข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวกับมาตรการต่างๆที่รัฐบาลทั่วโลกได้เคยใช้ในการรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะทำให้เราเข้าใจว่าการรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขั้นวิกฤตของประเทศไทยนั้น เราควรคำนึงถึงมาตรการใดบ้างและมีวิธีการเยียวยาอย่างไรบ้าง 

“ล็อคดาวน์” แบบไหนถึงจะ “ล็อค” โควิด-19 ได้ 

มาตรการที่รัฐบาลในประเทศต่างๆ นำมาใช้ในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นมีอยู่หลายมาตรการและมีผลต่อประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดแตกต่างกัน โดยอ้างอิงงานวิจัยของ Brauner และคณะ (2021) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ซึ่งเป็นวารสารชั้นนำระดับโลกทางด้านวิทยาศาสตร์ และ Haug และ คณะ (2020) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Human Behavior ซึ่งเป็นวารสารชั้นนำระดับโลกอีกวารสารหนึ่ง ซึ่งได้ศึกษาและเปรียบเทียบมาตรการต่างๆ ที่แต่ละประเทศทั่วโลกใช้ในการลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่า มาตรการที่เน้นการเว้นระยะห่างทางสังคม การห้ามรวมกลุ่มของประชาชนที่เข้มขัน (เช่น ห้ามรวมกลุ่มเกิน 10 คน) การควบคุมการเดินทาง การปิดสถานศึกษา การปิดชายแดน และ การปิดธุรกิจส่วนใหญ่ยกเว้นแต่ที่มีความจำเป็นจริงๆ ให้ผลต่อการควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมได้รวดเร็วที่สุดในหลายประเทศ ซึ่งทั้ง 2 งานวิจัยนี้เห็นตรงกันว่ามาตรการที่ได้ผลดีที่สุดในหลายประเทศคือ การห้ามการรวมกลุ่มของประชาชนที่เข้มข้น ดังนั้น คณะผู้เขียนเสนอว่าในภาวะวิกฤตของไทยนี้ เราควรจะจำกัดการรวมกลุ่มในกิจกรรมที่ไม่จำเป็นไม่ให้เกิน 2 คน เหมือนที่เวียดนามกำลังทำอยู่ในขณะนี้เป็นเวลา 14 วัน (Viet Nam News 2021) เพราะจะทำให้การระบาดลดลงได้อย่างรวดเร็วที่สุด 

“ล็อคดาวน์” แบบไหนคนถึงจะ “ไม่น็อค” 

แม้ว่ามาตรการข้างต้นจะมีประสิทธิภาพสูงในการลดการระบาด แต่มาตรการเหล่านี้ก็มีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจและทางสังคมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มแรงงานหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นควรต้องคำนึงถึงมาตรการเสริมอื่นๆ ด้วย อาทิ การแจกจ่ายอาหาร วันละ 3 มื้อ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชนที่ต้องตกงาน โดยรัฐสามารถรับสมัครร้านอาหารเข้าร่วมโครงการทำอาหารแจกจ่ายให้แก่ประชาชนโดยงบประมาณของรัฐ ซึ่งร้านอาหารเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นการต่ออายุธุรกิจร้านอาหาร เสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว 

โดยงบประมาณในโครงการนี้ ก็ไม่น่าจะมากกว่างบประมาณในโครงการเยียวยาอื่นๆที่รัฐเคยทำ อาทิ หากมีประชาชนรับอาหารประมาณ 10 ล้านคนต่อมื้อ ในกรณีล็อคดาวน์ 14 วันจะต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 12,600 ล้านบาท (โดยคำนวณจากค่าอาหารมื้อละ 30 บาท) ส่วนวิธีการเบิกจ่าย ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการสามารถใช้ระบบของโครงการ “คนละครึ่ง” ที่รัฐบาลมีอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ก็ให้รัฐมีมาตรการรองรับที่เหมาะสม อาทิ การเหมาจ่ายโดยคาดประมาณจำนวนประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือที่มารับอาหาร นอกจากนี้ การรับอาหารต้องมีการเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการระบาด 

“ล็อคดาวน์” ต้อง “ไม่ล็อคทิพย์”  

ในภาวะวิกฤตการระบาดในประเทศไทยในขณะนี้ การใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มข้นอย่างแท้จริงและทั่วถึง จะเป็นสิ่งที่ชี้ชะตาถึงผลสำเร็จในการรอดพ้นวิกฤตที่ถือว่ารุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ผ่านมาเราเห็นได้ว่า มาตรการควบคุมหลายมาตรการก็ไม่สามารถมีประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง อาทิ การเกิดการลักลอบนำแรงงานต่างชาติเข้าประเทศโดยไม่ผ่านจุดคัดกรองและกักตัว เป็นที่น่าสังเกตว่าหลายประเทศ อาทิ ประเทศจีนสามารถควบคุมการระบาดได้ดี ทั้งที่มีพรมแดนธรรมชาติที่ยาวและยากต่อการควบคุมเป็นอย่างมาก สาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะว่า ประเทศจีนนั้นมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นแม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามมาตรการควบคุมต่างๆอย่างเคร่งครัด แต่การกระทำของคนส่วนน้อยที่ไม่เคารพมาตรการควบคุมต่างๆ ก็สามารถเป็นชนวนไฟการระบาดให้ลุกลามเป็นไฟป่าเผาประเทศได้ ดังนั้นวิธีป้องกันคือการออกกฎหมายชั่วคราวที่เข้มข้นและเพิ่มโทษคนที่ละเมิดกฎหมายและมาตรการที่รัฐกำหนด 

………………………………….

บทความนี้เขียนโดย ผศ.ดร.ชนวีร์ สุภัทรเกียรติ, ผศ.ดร.ภัทเรก ศรโชติ, ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ คณาจารย์สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

อ้างอิง 

Brauner, J. M., Mindermann, S., Sharma, M., Johnston, D., Salvatier, J., Gavenčiak, T., … & Kulveit, J. (2021). Inferring the effectiveness of government interventions against COVID-19. Science, 371(6531). 

Haug, N., Geyrhofer, L., Londei, A., Dervic, E., Desvars-Larrive, A., Loreto, V., … & Klimek, P. (2020). Ranking the effectiveness of worldwide COVID-19 government interventions. Nature human behaviour, 4(12), 1303-1312. 

Viet Nam News (7 July 2021), HCM City to enforce lockdown measures starting July 9 amid worsening COVID-19 outbreak, https://vietnamnews.vn/society/988153/hcm-city-to-enforce-lockdown-measures-starting-july-9-amid-worsening-covid-19-outbreak.html 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img