“กรุงไทย” ปรับไทม์ไลน์เปิดจองสิทธ์-เดินทางเข้าพักโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ใหม่ ชี้ผู้ไม่เคยได้รับสิทธิ์สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 27 ก.พ.เป็นต้นไป ส่วนรายเดิมกดรับสิทธิ์ 7 มี.ค.นี้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยขอปรับไทม์ไลน์การเปิดจองใช้สิทธิ์และ การเดินทางเข้าพักของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จากเดิมเปิดจอง 8 มี.ค. 2566 และเดินทางเข้าพักวันแรก 11 มี.ค.2566 เป็นเปิดจอง 7 มี.ค.2566 และเดินทางเข้าพักวันแรก 10 มี.ค. 2566 เนื่องจากธนาคารกรุงไทย ได้รอบการเปิดระบบและนำเข้าข้อมูลโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ในวันดังกล่าว
สำหรับผู้ไม่เคยได้รับสิทธิ์ ระบบจะเปิดลงทะเบียน ประชาชน สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ 27 ก.พ.2566 ประชาชนและผู้ประกอบการรายเดิมสามารถกดรับสิทธิ์และรับทราบเงื่อนไขโครงการ 7 มี.ค.2566 ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ต้องกรอกข้อมูลในระบบ TAT E-FORM บนเว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน ระหว่าง 8-15 ก.พ.2566 และททท.จะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ประกอบการให้เสร็จภายใน 27 ก.พ.2566 เพื่อให้ ผู้ประกอบการสามารถกดรับสิทธิ์และเงื่อนไขได้พร้อมกัน 7 มี.ค.2566
ทั้งนี้ ททท. และธนาคารกรุงไทย จะเร่งประชาสัมพันธ์ วันรับสมัครให้ผู้ประกอบการทราบ และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการสมัคร แอพพลิเคชั่นถุงเงินให้เรียบร้อยก่อนเข้าร่วมโครงการ
ดังนั้น โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ประชาชนจะเริ่มเข้าพักได้ ตั้งแต่ 10 มี.ค.-30 เม.ย.2566 เท่านั้น มีจำนวน 560,000 สิทธิ์ โดยจะได้ 5 สิทธิ์ หรือ 5 ห้องต่อคน ที่รัฐบาลจะจ่ายส่วนลดค่าที่พักให้ 40% สูงสุด 3,000 บาทต่อห้อง และให้อี-เวาเชอร์ 600 บาทต่อวัน เหตุผลที่เหลือ 5 สิทธิ์หรือ 5 ห้องต่อคน เพื่อกระจายให้คนได้รับสิทธิ์มากขึ้น เพราะมีเพียง 560,000 สิทธิ์เท่านั้น โดยใช้สิทธิ์ข้ามจังหวัดได้ทั่วประเทศ และไม่สนับสนุนส่วนลดค่าตั๋วเครื่องบินเช่นเฟสที่ผ่านมา
สำหรับผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า โอท็อป สปา นวดเพื่อสุขภาพ ขนส่งเพื่อท่องเที่ยว สามารถสมัครได้ทาง www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พร้อมสมัครบริการถุงเงิน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติข้อมูลกิจการก่อนเข้าร่วมโครงการ
ส่วนผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พร้อมติดตั้งแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง จองห้องพักล่วงหน้าก่อนเดินทาง 3 วัน ลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ 7 วัน เพื่อให้เป็นไปตามพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ตัดสินใจสั้นลง
