วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯยังไม่ใช้ยาแรงล็อคดาวน์เข้มขึ้น ‘เสียใจคนสูญเสีย-เดินหน้าแก้อุปสรรค’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯยังไม่ใช้ยาแรงล็อคดาวน์เข้มขึ้น ‘เสียใจคนสูญเสีย-เดินหน้าแก้อุปสรรค’

นายกฯแย้มยังไม่ใช้ยาแรงล็อคดาวน์เข้มข้นขึ้น ยอมรับเสียใจกับคนที่สูญเสีย พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาอุปสรรคที่มีมาก ลั่นไม่เคยทิ้งงาน ทำทุกเรื่อง ไม่เคยท้อ และให้กำลังใจคนทำงานอย่าท้อแท้ แนะจังหวัดสีแดงไปดูเรื่อง “ชุมชนสีฟ้า” พื้นที่ปลอดเชื้อ ทำให้เป็นแบบอย่างแก่ชุมชนต่างๆ ย้ำไม่เคยมีปัญหากับสื่อ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ส่งผ่านคณะทำงาน โดยเป็นการบันทึกเทปไว้ในช่วงเวลา 17.00 น.วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ตั้งแต่มีการล็อคดาวน์ 12 ก.ค. และจะครบ 14 วัน ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ซึ่งพบว่าตัวเลขผู้ป่วยยังไม่ลดลง แล้วจะเพิ่มการล็อคดาวน์หรือยกระดับมาตรการที่สูงขึ้นหรือไม่ ว่า ทั้งหมดต้องปรึกษาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของแพทย์สาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน มีการประชุมร่วมกันของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ชุดเล็กอยู่ทุกวัน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ประชุมทุกวัน ส่วนจะล็อคดาวน์เข้มข้นหรือไม่ ขณะนี้คณะแพทย์ และทีมสาธารณสุขยังคงเห็นชอบในมาตรการเดิมอยู่ การที่ตัวเลขไม่ลดลง มีหลายประการ หากเราปฏิบัติการตามมาตรการที่ประกาศไปแล้วทุกคน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือในการปฏิบัติ หากยังมีการทำในสิ่งที่ห้าม ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ หากเราพิจารณาการแพร่ระบาดของเรา อาจมองดูแล้วน่าตกใจ การเสียชีวิตในแต่ละวัน แต่อยากให้สนใจตัวเลขต่างๆ ของเพื่อนบ้าน ของต่างประเทศบ้าง ทั่วโลกได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น มากบ้าง-น้อยบ้าง อันดับต้นๆ มีหลายประเทศ มากกว่าเราหลายเท่า ของเรา…เราตั้งใจว่า “ไม่อยากให้มีการเสียชีวิต” หากทำตามมาตรการที่กำหนดออกไปครบทุกอย่าง อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองได้ก่อน ป้องกันครอบครัวได้ก่อน ตัวเองไม่ไปติดเชื้อจากข้างนอก ไม่เอาเชื้อไปแพร่ให้คนในครอบครัว

นายกฯ กล่าวต่อว่า ตัวเลขสีแดงที่ขึ้นทุกวัน รู้ว่าประชาชนให้ความสนใจ แต่ก็อยากให้สนใจว่า ต่างชาติเขาเกิดอะไรขึ้น และเขาทำอะไรอย่างไร มาตรการที่ผ่านมามีทั้งล็อคดาวน์เต็มอำนาจ ไม่ล็อคดาวน์ มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเหมือนกัน เขาก็ยังระงับไม่อยู่ หากไม่ร่วมมือกันทั้งหมด ปัญหาในระบบมันต้องมี เพราะคนจำนวนมาก เราใช้บุคคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด เจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อดูแลคนเกือบ 70 ล้านคน คิดว่าระบบที่เรามีอยู่ไม่มีปัญหา ที่มีปัญหาคือความเพียงพอของเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปดูแลมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัย “อาสาสมัคร” ลงไปในพื้นที่ด้วย

“จากความเห็นทางสาธารณสุขและทางการแพทย์ มาตรการเดิมที่เราออกไป ยังใช้ได้อยู่ในช่วงนี้ และต้องพิจารณาต่อไปตามห้วงระยะเวลา เราอาจเห็นตัวเลขมันแดง ขณะนี้มันยังขึ้นอยู่ ก็มีขึ้น-มีลง แต่ตัวเลขผู้ที่รักษาหายก็สูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญ ส่วนนอกระบบเท่าที่ทราบ ก็มีการดูแลกันเองในชุมชนในพื้นที่เขาเองก็มีผู้หายป่วยไปอีกเยอะ ดังนั้นขอให้ความสำคัญกับเรื่องของมาตรการขั้นต้นของตัวเอง และตามมาตรการที่รัฐกำหนด มันต้องได้รับผลกระทบแน่นอน ทุกประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด ไม่ใช่ไม่มีผลกระทบอะไรเลยมันเป็นไปไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า วันนี้มีการปรับแนวทางการรักษาได้นำ Antigen Test Kit (ATK) เข้ามาช่วยตรวจหาเชื้อ ซึ่งทางแพทย์บอกว่า ตรวจครั้งเดียวอาจจะไม่ได้ผล 100% อาจจะต้องรอ 7 วันตรวจอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเข้าสู่การตรวจ RT-PCR และเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีอยากจะพูดหรือสื่อสารอะไรกับประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ผมเพียงแต่พูดว่า ผมเห็นใจ ผมเสียใจ และผมก็พยายามแก้ปัญหาอุปสรรคที่มีมากมาย นายกฯก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และต้องมีความร่วมมือระหว่างกันด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ตรงกันถึงจะแก้ปัญหาได้ นายกฯทำงานไม่เคยทิ้งสักงาน คงไม่ใช่โควิดอย่างเดียว โควิดเป็นเรื่องหลักที่ประชาชนเดือดร้อน แต่มีเรื่องอย่างอื่นตามมาด้วย ทั้งคุณภาพชีวิต การต่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การลงทุน การค้า การเพิ่มรายได้ประเทศ ก็ต้องทำทุกเรื่อง แต่นายกฯไม่เคยท้อ เพียงแต่เสียใจกับคนที่สูญเสีย และให้กำลังใจกับคนที่ทำงาน อย่าท้อแท้ เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องทำด้วยกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน”

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องที่เป็นกังวลอีกเรื่อง คือผู้ป่วยโควิดรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ก็เข้าใจเป็นสถานการณ์ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว ไม่ได้เข้าออก เพื่อนบ้านไม่ทราบ นอกจากนั้นยังได้แก้ปัญหาเรื่องสายโทรศัพท์ ที่ได้ปลดล็อคเรื่อง “เปิดช่องทาง” ให้มากขึ้นให้บริการฟรี โดยให้ กสทช. ช่วยดูแลตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องขออภัยเรื่องนี้ด้วย และได้พยายามแก้ปัญหาแล้ว ส่วนเรื่องการรักษาตัวที่บ้าน ก็มีชุดแพทย์ลงไป เราอาจจะไปเคาะประตูทุกบ้านไม่ได้ บางบ้านก็ไม่เปิดทำนองนี้ หากเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงหน้าบ้าน หากมีอะไรก็พบเขา บอกเขา และประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยราชการได้ทุกที่ ทั้งนี้ไม่อยากให้มีการป่วย เจ็บ ตายอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน อะไรก็แล้วแต่ แต่ทุกคนต้องช่วยกัน หากพบก็แจ้งไปหน่วยต่างๆ ขณะที่ทหาร ตำรวจ ได้ปรับหลายพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนาม มีหลายสิบแห่ง ซึ่งให้ทุกค่ายทหาร ทหารทุกหน่วย ดูแลประชาชน เราต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ทุกโอกาส ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร เราเอาตัวรอดไม่ได้หรอก นี่คือสิ่งที่ย้ำเสมอ ก็อาจจะมีคนไม่ดีอยู่บ้าง ก็ขอให้แจ้งมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะรับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด

เมื่อถามว่า ถึงเวลานี้ยังมั่นใจว่า ศบค.ยังบริหารจัดการสถานการณ์ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นกลไกหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะ ศบค.ตั้งขึ้นมา เพื่อบูรณาการกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหลายกระทรวง หลายหน่วยงานมีกฎหมายของตัวเอง จึงจำเป็นต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกมา เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้ได้ไปทำตามกฎหมายของตัวเอง ตามเป้าหมายหรือมาตรการที่กำหนดออกไปได้ ต้องเข้าใจ…นายกฯรับผิดชอบด้วยการบริหาร ด้วยการให้ข้อสังเกตลงไป ให้แนวคิดแนวปฏิบัติลงไป นายกฯก็มีการประเมินสถานการณ์ทุกวั นจากข้อมูลที่ข้างล่างส่งมา นายกฯเก็บข้อมูลทุกอัน หากเขาเสนอมาครบแล้ว นายกฯก็ไม่ต้องห่วงอะไร ก็อนุมัติดำเนินการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมเรื่องโรงพยาบาลบุษราคัม เรื่องศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ รวมถึงประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 12 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จึงมีความคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะสร้างความเข้าใจให้ได้ว่า หากเราประกาศตัวเลขแต่ตัวแดงทั้งหมด พื้นที่ทั้งหมดเป็นจังหวัด ดูน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า จึงให้ไปดูเรื่อง “ชุมชนสีฟ้า” ซึ่งสีฟ้าคือชุมชนหรือหมู่บ้านที่ประชาชนร่วมมือกัน ปกป้องตัวเองไม่ให้เป็น วันนี้มีหลายชุมชนหลายหมู่บ้าน และได้ยินผู้ว่าจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมถึงที่โคราช (นครราชสีมา) และอาจจะมีที่อื่นๆ อีก ก็บอก “พร้อมในการทำตรงนี้” เพราะหลายจังหวัดมีหลายพันหมู่บ้าน บางหมู่บ้านไม่มีการติดเชื้อ เราต้องสร้างความมั่นใจและมีการรักษาแพทย์ทางเลือกลงไป เป็นพื้นที่ปลอดเชื้อ และจะเป็นแบบอย่างให้ชุมชนอื่น ตนสนับสนุนทุกจังหวัดทำแบบนี้

“อยากฝากทุกคนช่วยกันนำพาชุมชน หมู่บ้านของท่านให้เป็นพื้นที่สีฟ้า เป็นพื้นที่ปลอดภัยดูแลซึ่งกันและกัน วันนี้หากเรามองตัวเลขสีแดงอย่างเดียว มันไม่มีอะไรใหม่ๆ เลย ต่างประเทศเขาไม่เปิดเผย แต่เราไม่ปกปิด บางประเทศเขาล็อคดาวน์และปลดล็อคแล้วล็อคใหม่ ไม่เห็นมีใครแก้ปัญหาได้สักที มันก็เหมือนกันละมั้ง ผมพบทูตมา 4 ประเทศ ชมไทยหมด ถึงแม้จะมีตัวเลขเยอะ แต่ยังมั่นใจระบบสาธารณสุขของเรา เพราะมีชื่อเสียงมานาน”นายกฯระบุ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องงบประมาณก็เห็นว่ามีปัญหาเรื่องงบประมาณและบุคลากรทางการแพทย์อะไรบ้าง แต่จริงๆ ต้นเรื่องมาจากกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่เขาต้องดำเนินการเบิกจ่าย หากไม่พอ ก็บอกมา รัฐบาลก็พร้อมดูแล ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ช้า เบิกจ่ายช้า กลายเป็นว่ารัฐบาลผิดอีก ก็ไม่ได้โทษว่าเขาผิด แต่เราก็สั่งเต็มที่ เตรียมอนุมัติให้เร็วที่สุด แต่ต้องระมัดระวังให้สุจริต เพราะ “เงินหลวง” ตกน้ำไม่ไหล-ตกไฟไม่ไหม้ ก็ต้องระวังตรงนี้ด้วย ไม่ใช่ขี้เหนียวอะไรหรอก แต่ต้องรักษาระบบเอาไว้ให้ได้

ทั้งนี้นายกฯ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มความสามารถ ถ้าวันนี้ไม่ทำกันต่อเนื่องกันไปให้ได้ ไม่มีทางสำเร็จหรอก เพราะเราเริ่มต้นมา มันก็ต้องมีจังหวะที่ตัวเลขสูงขึ้นและลดลง เวลาที่จำนวนลดลงก็ทำดี พอตัวเลขสูงขึ้นมา ก็จะมาดูว่าไม่ดีตรงไหน มีปัญหาตรงไหนก็แก้ตรงนั้น ช่วยกันก็ขอฝากสื่อด้วย ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับสื่อทั้งสิ้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img