วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“สามมิตร”ชิ่งหนี“พปชร.” ตั้งปมร้อนดักทาง“วังน้ำยม”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สามมิตร”ชิ่งหนี“พปชร.” ตั้งปมร้อนดักทาง“วังน้ำยม”

สร้างความประหลาดใจได้มากพอสมควร หลัง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ได้ตัดสินใจทิ้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปร่วมงานทางการเมืองกับ พรรคเพื่อไทย (พท.) เพราะถ้าย้อนไปดูสมัย “แกนนำกลุ่มสามมิตร” ก็เคยร่วมงานกับ “ทักษิณ ชินวัตร” สมัยเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) จนที่สุดคว้าชัยชนะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

“กลุ่มสามมิตร” ซึ่งในช่วงนั้นยังใช้ชื่อ “กลุ่มวังน้ำยม” ถือเป็นกำลังสำคัญในการเลือกตั้ง เพราะมีส.ส. อยู่ในความดูแลถึง 70-80 ชีวิต มีอำนาจต่อรองสูง ซึ่งในที่สุด “สมศักดิ์” ก็ได้รางวัลตอบแทนเป็น “รมว.เกษตรและสหกรณ์” ถือเป็นกระทรวงเกรดเอ อย่างไรก็ตาม ต่อมา “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” น้องสาวร่วมสายโลหิตของหัวหน้าพรรคทรท. ก็จัดตั้ง “กลุ่มวังบัวบาน” ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายต้องการดึงส.ส.ในสายของ “สมศักดิ์” ให้เข้ามาอยู่ในซุ้ม เพื่อลดอำนาจต่อรองของ “กลุ่มวังน้ำยม”

ซึ่งในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ ส.ส.ในกลุ่มวังน้ำยม ก็เปลี่ยนค่ายมาสังกัด “วังบัวบาน” ด้วยสรรพกำลัง ที่มีความพร้อมมากกว่า ทำให้อำนาจต่อรอง “สมศักดิ์” ลดลง…อย่างเห็นได้ชัด 

นอกจากนี้ในระหว่างที่แกนนำกลุ่มน้ำยม ดูแลกระทรวงกระทรวงเกษตรฯ ก็เกิดปัญหาขึ้นกับนโยบายแทรกแซงรับซื้อลำไย เกิดการทุจริตขึ้นมา จนสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับ ภาพลักษณ์ของรัฐบาล นำมาสู่การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่บทสรุปก็แค่ “ลงดาบเอกชน” ที่เข้ามาร่วมโครงการ และเอกชนบางรายที่กระทำผิด ส่วนระดับนโยบายหรือฝ่ายการเมือง…ไม่มีใครผิด 

ท่ามกลางข่าวลือว่า กระบวนตรวจสอบอาจมี การตัดตอนเกิดขึ้น เนื่องจากมีหากมีการสอบสวนลึกลงไป อาจโยงใยไปถึง “ผู้ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ” ซึ่งปมดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2547 ต่อมาเมื่อพรรคทรท.ถูกยุบพรรค ทำให้ “สมศักดิ์” ต้องยุติบทบาททางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี  จากนั้นผ่านการร่วมงานทางมากับอีกหลายพรรค และมาสิ้นสุดที่ “พปชร.”

แกนนำกลุ่มสามมิตร

หลายคนไม่อยากเชื่อ “สมศักดิ์” จะพากลุ่มสามมิตร ย้ายออกจาก “พปชร.” เพราะได้รับมอบหมายให้เป็น “ประธานยุทธศาสตร์พรรค” ก่อนหน้านั้น ยังให้สัมภาษณ์ว่า “เชื่อมั่นว่า พปชร.จะเป็นรัฐบาล 99% ซึ่งใครไม่รู้จะไปไหน ก็มาอยู่พรรคพปชร.” พร้อมบอกว่า “ตอนนี้นักการเมืองยังไม่แบ่งขั้วการเมือง แต่จะรอให้ถึงเวลาหลังจากที่เลือกตั้งเสร็จสิ้น มีส.ส.ในมือแล้วค่อยแบ่ง ซึ่งทุกพรรคล้วนอยากเป็นรัฐบาลทั้งสิ้น แต่ก็ยังไว้ศักดิ์ศรีเล็กน้อย”

แต่การเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน เพราะหลังจากนั้นก็มีข่าวลือเป็นระยะๆ ว่า “สมศักดิ์” จะพา “กลุ่มสามมิตร” ไปร่วมกับพรรคพท. อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากพรรคพปชร.ระบุว่า ในส่วนของ “กลุ่มสามมิตร” ที่จะลาออกไปอยู่กับพรรคพท.ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ “สุริยะ” จะยื่นใบลาออกจากการเป็นรมว.อุตสาหกรรม รวมถึงลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และพรรคพปชร. ส่วน “สมศักดิ์” ก็จะยื่นใบลาออกจากรมว.ยุติธรรม รวมถึงลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรคพปชร. เช่นกัน 

ในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นมารยาททางการเมือง เนื่องจากย้ายไปอยู่พรรคพท. ถือเป็นฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลชุดนี้ นอกจากนี้ “พรรณสิริ กุลนารถศิริ” ส.ส.สุโขทัย น้องสาวของสมศักดิ์ “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หลานชายของสุริยะ ซี่งทั้ง 2 คนก็จะลาออกจากส.ส. และสมาชิกพรรคพปชร. เพื่อย้ายไปอยู่พรรคพท.

ทั้งนี้ “สมศักดิ์” เปิดแถลงข่าวในวันที่ 17 มี.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ที่ร้านกินเส้น จ.นนทบุรี ซึ่งตรงกับวันที่พรรคพท.จะแถลงเปิดตัวผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) รังสิต

โดย “สมศักดิ์” และ “สุริยะ” จะส่งลูกน้องที่เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพท. ไปร่วมเปิดตัว แต่ในสัปดาห์หน้า “กลุ่มสามมิตร” ทั้งหมด จะมาเปิดตัวที่พรรคพท.อย่างเป็นทางการ โดยมีวาระสำคัญคือ “สมศักดิ์” และ “สุริยะ” จะมาสมัครเป็นสมาชิกพท.

คำถามคือ…อะไรเป็นสาเหตสำคัญในการตัดสินใจของ “กลุ่มสามมิตร” โบกมือลา “พปชร.” ทั้งที่มีตำแหน่งสำคัญ ดูเหมือนการจากไปครั้งนี้ มีภาพความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นด้วย เพราะก่อนตัดสินทิ้งพรรคตนสังกัด “สมศักดิ์” เดินทางไปตรวจราชในจังหวัดต่างๆ กลับมีบรรดา “ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคพท.” ในพื้นที่นั้นๆ มาคอยให้การต้อนรับ รวมถึงการแสดงจุดยืนทางการเมือง ในช่วงที่ “พปชร.” ได้จัดวางบุคคคลไว้เรียบร้อยแล้ว จึงต้องมารื้อแผนเลือกตั้งกันใหม่

หรือเป็นเพราะ “แกนนำกลุ่มสามมิตร” ไม่พอใจ กับการแบ่งพื้นที่ให้ดูแลการเลือกตั้ง เพราะ “สมศักดิ์” ถูกมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ภาคใต้

ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคเข้าไปช่วยที่ภาคใต้ และนางเข้าไปช่วยพื้นที่ กทม.

สุชาติ ชมกลิ่น

งานนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ “พรรคพลังประชารัฐ” ขาดทุนเห็นๆ โดยก่อนหน้านี้ โซนภาคกลาง แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือ ภาคกลางตะวันออกและภาคกลางตะวันตก มีรัฐมนตรี 4 คนรับผิดชอบ ประกอบด้วย “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.พรรค, “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค, “อนุชา นาคาศัย” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการบริหารพรรค  (กก.บห.) และ “ตรีนุช เทียนทอง” รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค

โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่อีสานใต้ มี “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกก.บห.รับผิดชอบ ขณะที่อีสานเหนือ มี “พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร” กก.บห. และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรครับผิดชอบ และจะมี “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” อดีต ผบ.ตร.ช่วยดูแล ส่วนพื้นที่ กทม.มี “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เหรัญญิกพรรค รับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม การแบ่งพื้นที่ดังกล่าว ต้องมีการปรับเปลี่ยน เมื่อ “สุชาติ ชมกลิ่น-อนุชา นาคาศัย” ลาออกไปร่วมงานการเมืองกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ขณะที่ล่าสุด “สมศักดิ์สุริยะ” ก็ทิ้งพรรคพปชร. ไปร่วมงานกับพรรคพท.

“สมศักดิ์” ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พปชร. กลับไม่มีอำนาจ ไม่มีศักยภาพเพียงพอ ในการโชว์ผลงาน เพราะ “สมศักดิ์” มีความคุ้นชินกับพื้นที่ภาคเหนือ แต่ “พล.อ.ประวิตร” กลับมอบหมายให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ดูแลรับผิดชอบ เหมือนการเลือกตั้งปี 62 ซึ่งดูเหมือน “ผู้กองคนดัง” จะออกอาการไม่ลงรอยกับ “กลุ่มสามมิตร” ตลอด  รวมทั้งการช่วงชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรคพปชร. ซึ่งเดิม “อนุชา” เคยยึดครองอยู่ แต่ต่อมาก็ต้องถอยให้กับ “ร.อ.ธรรมนัส”

สมศักดิ์ เทพสุทิน

ยิ่งจับคำให้สัมภาษณ์ “สมศักดิ์” ในฐานะรมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรคพปชร. กล่าวถึงนโยบายในส่วนของสามมิตรว่า หากผู้ใหญ่ของพรรคไม่ถาม ก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้พยายามเรียกประชุมหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งส่วนตัวมีนโยบายที่จะนำเสนอ แต่ต้องรอที่ประชุมเห็นชอบ หากพูดไปก่อน แล้วทำไม่ได้ ก็จะเสียคน แต่ก็ยืนยันหากได้ไปกระทรวงไหน ก็คิดนโยบายได้ 

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ได้แสดงฝีมือใช่หรือไม่ “สมศักดิ์” กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “วันนี้คงไม่ต้องใช้นโยบายอะไรกันมากมั้ง” ก่อนจะหัวเราะและบอกว่า การขับเคลื่อนพรรคทุกวันนี้ ใช้นโยบายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นจุดขาย เพราะมีความทุ่มเท และสดที่สุด ดูได้จากเสื้อผ้า

“หากผมได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใด ก็พร้อมมีนโยบายเสนอเพิ่มเติม เช่น ทำให้คนติดคุกน้อยลง และมีงานทำเมื่อออกจากคุก ส่วนจะอยากเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ อย่าพูดไป เดี๋ยวเขาจะพูดว่าเป็นความโลภ โกรธ หลง”

จับอาการ “สมศักดิ์” ก็คงมองออก มีอาการ “น้อยใจ” เพราะ “พปชร.” ไม่ให้ความสำคัญกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ยิ่งมีข่าวส.ส.ในกลุ่มสามมิตรที่ลาออกไป ก็ไปเดินหน้าต่อในการทำงานรวมกับ พรรคพท.ทันที ซึ่งไม่ใช่เรื่องอยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่อาจสูญเสียบท “สุภาพบุรุษนักการเมือง”

จากนี้…ต้องรอดูบทสุดท้ายของ “กลุ่มสามมิตร” จะประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลว เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

……………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img