วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSดึง''โทนี่-จตุพร''ล้มรัฐบาล ปลุกกระแส'หนีคดีโกง-ต้นเหตุเผาเมือง'
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ดึง”โทนี่-จตุพร”ล้มรัฐบาล ปลุกกระแส’หนีคดีโกง-ต้นเหตุเผาเมือง’

      

แม้อาจไม่ใช้การดิ้นรนครั้งสุดท้าย จากบรรดาเครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่า  แต่การปรากฎตัวในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้ง ”นายทักษิณ ชินวัตร”อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้หลายคนเรียกกันติดปากว่า  ”Tony Woodsome”และ ”นายจตุพร พรหมพันธ์” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

ก็พอมองออกว่า งานนี้กลุ่มที่เคยรวมเคลื่อนไหวทางการเมือง คงหวังทิ้งไพ่ใบสำคัญ ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าถ้าปล่อย”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม บริหารงานจนครบวาระในปี 2566 แถมมีแนวโน้มว่า ”นายกฯลุงตู่”จะขอลงชิงชัยเก้าอี้นายกฯเป็นรอบที่สามเดินหน้าไปตามแผน นั่นหมายความ กลุ่มอำนาจเก่าจะตกอยู่ในสภาพ ตายซากทางการเมืองทันที

อย่าลืม”เพื่อไทย (พท. )”ตกอยู่ในสถานะฝ่ายค้านมา 7 ปีเต็ม   ถ้าพูดภาษาทางการเมืองก็ต้องบอกว่า อดอยากปากแห้งมาเป็นเวลายาวนาน จึงไม่ใช้เรื่องแปลก เวลามีการลงมติในญัตติที่มีความสำคัญ  จะพบส.ส.พรรคแกนนำฝ่ายค้าน  หลายคนออกอาการแตกแถวเป็นประจำ  จนมีเสียงร่ำลือว่า ”พลังประชารัฐ (พปชร.)”แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ฝากเลี้ยงนักการเมืองต่างพรรค ไว้อยู่ในชายคา”พท.” หลายคน ส่งผลให้แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ตกอยู่ในสภาพขาดเอกภาพ การเคลื่อนไหวหลายครั้งเลยขาดน้ำหนัก

แม้กระทั่ง ”นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคพท. ยังมีข่าวจะนำส.ส.พรรคเดียวกัน 10 กว่าชีวิต ย้ายไปร่วมงานการเมืองกับพรรคน้องใหม่ ซึ่งมี ”ปลัดฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ  ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท. ) เป็นมือประสานในการจัดตั้ง หลังปรากฎภาพ ”ปลัดฉิ่ง”พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงของมท. เดินทางไปร่วมงานวันเกิด ”นางเตือนใจ จรัสเสถียร”มารดานายยุทธพงศ์  ซึ่งหลายคนเรียกกันติดปากว่า ”ส.ส. โจ้” 

หลายคนเชื่อว่า ถ้า ”ส.ส. โจ้”พร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์จำนวนหนึ่ง ย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองไหน ถ้ามีโอกาสได้เป็นแกนนำรัฐบาล หรือร่วมงานกับฝ่ายบริหาร อย่างน้อยๆ ”ยุทธพงศ์” ต้องได้โควต้า ”รัฐมนตรีว่าการฯ”เป็นของกำนัลแน่นอน แม้ส.ส. มหาสารคาม ”จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายทักษิณ”ก็ตาม  ก็อย่างที่รับรู้กัน การเมืองบ้านเราไม่มีมิตรศัตรูถาวร  ถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามใ ผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ยิ่งวันนี้ยังไม่เห็นหนทางที่ ”พท.”จะหวลคนกลับมายึดครองอำนาจรัฐ อดีตนายกฯสองสมัยก็มีสถานะนักโทษหนีคดี”

ยิ่งการเคลื่อนไหวของ”ม็อมสาวนิ้ว”นานวันเข้า  ยิ่งออกทะเลออกมหาสมุทร แทนที่จะกดดันไปยังหัวหน้ารัฐบาล เรียกร้องเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรธร.ฉบับไหน กลับมีข้อเสนอทะลุฟ้า ซึ่งกระทบถึงสถาบันเบื้องสูง  กิจกรรมหลายครั้งหลายหนหมิ่นเหม่และผิดกฎหมาย จนถูกแจ้งข้อหาในคดีล่วงละเมิดสถาบัน ตามความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และอีกหลายคดี ส่งผลทำให้แกนนำม็อบ ที่อ้างว่าต้องการปลดแอก ถูกจองจำในเรือนจำหลายคน

cr : FB เยาวชนปลดแอก

อีกทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกไปเคลียร์พื้นที่ บริเวณที่มีการตั้ง”หมู่บ้านทะลุฟ้า”บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล ได้พบอุปกรณ์หลายอย่าง ทั้งถุงยางอนามัย กัญชาอัดแท่ง ใบกระท่อม มีดอาวุธ ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์เครือข่ายพวกปลดแอก ตกต่ำหนักขึ้นไปอีก

นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมภายใต้การรหัส ”รีเดม”ซึ่งเป็นเครือข่ายม็อบสามนิ้ว  ซึ่งมักอ้างว่าไม่มีแกนนำ  นอกจากชอบใช้ความรุนแรง ก่อเหตุที่กระทบกระทบกระเทือนจิตใจคนไทย ยังไม่ได้รับการตอบรับจากคนส่วนใหญ่  เนื่องจากผิดหลักการ การเคลื่อนไหวทางการเมือง ต้องเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ยึดหลักสันติในการชุมนุม

จะเห็นว่า แม้กระทั่ง ”พรรคก้าวไกล (กก.)” และเครือข่ายกลุ่มก้าวหน้าที่มี ‘‘นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”และ ”นายปิยบุตร แสงกนกกุล”เป็นกองหนุนคนสำคัญ ระยะหลังยังไม่ค่อยออกตัว ออกมาปกป้องม็อบสามนิ้วเหมือนอดีต ซึ่งคงเห็นว่า หลังๆกระแสตีกลับ ”ม็อบสามนิ้ว”ในทางลบเยอะมาก ทั้งขัดแย้งกันเอง  ความโปร่งใสปมเงินสนับสนุน เงินบริจาค จนถูกวิจารณ์ว่า นักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้  เป็นพวกหิวแสงหิวเงิน

ขณะที่ผู้ดูแลเงินบริจาคพวกปลดแอก ทั้งพ่อยกและแม่ยกแห่งชาติ  ”เฮียบุ้ง”  ปกรณ์ พรชีวางกูร และทราย ”อินทิรา เจริญปุระ”ก็ไม่ยอมออกมาแจกแจง อ้างว่าเดี๋ยวคนบริจาคเงิน ให้นักเคลื่อนไหวการเมืองจะได้รับความเดือดร้อน  เลยกลายเป็นปริศนาดำมืด ตกเป็นเป้าถูกโจมตี

ยิ่งกลายเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี เพราะในเมื่อเรียกร้องให้ประเทศไทย ต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ออกมาวิจารณ์บทบาทสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แต่พอมาถึงเรื่องราวของกลุ่มตนเอง กลับสร้างความสงสัย พยายามปกปิดข้อมูลบางอย่าง จึงถูกสังคมวิจารณ์ในด้านลบ ส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมตกต่ำลงไปอีก

จึงไม่แปลก  เมื่อขั้วอำนาจเก่า ”พท.”หรือแม้กระทั่งนักเคลื่อนไหวอย่าง ”นปช.”จะต้องปรับแนวทางการเคลื่อนไหวใหม่  ไม่อยากให้เครือข่ายตัวเอง จมปลักอยู่กับ”ม็อบสามนิ้ว”เหมือนพรรคกก.  ซึ่งวันนี้สังคมเชื่อไปแล้วว่า  อยู่เบื้องหลังกลุ่มป่วนมือง มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ จึงไม่ใช้เรื่องแปลก  เมื่อเราเริ่มได้เห็น ”นายทักษิณ” ในนาม ”Tony Woodsome”ออกมาเคลื่อนไหวในกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ซึ่งจัดโดยเครือข่าย ”พท.”และใช้การสื่อสารรูปแบบ”คลับเฮ้าส์ ”เพื่อดึงความนิยมจากคนรุ่นใหม่

 

Clubhouse

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.64 ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค  ”นายทักษิณ”หรือนามแฝง Tony Woodsome กล่าวบรรยายผ่านวิดีโอลิงก์ ในโครงการ The Change Maker ของพรรคพท.  กิจกรรม Boot Camp สัปดาห์ที่ 3 ในหัวข้อ “ชวนคิดใหม่ วางอนาคตเศรษฐกิจไทยในเวทีโลก” 

ในการบรรบายตอนหนึ่ง อดีตนายกฯซึ่งมีสภานะเป็นนักโทษหนีคดี กล่าวบรรยายตอนหนึ่งว่า บายตอนหนึ่งว่า ”วันนี้เราไม่เก่งกับต่างประเทศ แต่เก่งกับการออกกติกากับคนไทย ดังนั้น ต้องเปิดให้มีการแข่งขัน ต่างชาติก็จะมองว่าเรามีกติกาที่เป็นสากล แล้วเขาก็จะอยากมาลงทุน

วันนี้ต้องสร้างโอกาสให้คนระดับล่างได้มีโอกาสทำมาหากินได้ เรื่องเงินนั้น ถ้าไม่มีทุนก้าวหน้าไม่ได้ ระบบของประเทศต้องเปิดกว้างให้คนเข้าหาแหล่งเงินได้ทุกระดับอาชีพ อย่าใช้ระบบธนาคารธรรมดา ถ้าคนไม่อยากตายจน แต่ต้องตายจน ต้องโทษรัฐบาลที่ช่วยเขาไม่ได้เลย เพราะกฎหมายที่ล้าสมัย ขันนอตมากเกินไปจนคนทำอะไรไม่ได้”

ขณะที่ ”นายจตุพร พรหมพันธ์”กล่าวตอนหนึ่ง ในระหว่างระดมความคิดเห็น กับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และ 30 องค์กรประชาธิปไตยหัวข้อสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ภายใต้สโลแกน “ไทยไม่ทน” เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 64 ตอนหนึ่งว่า  เหตุการณ์ของประเทศไทยตั้งแต่ยึดอำนาจ 22   พค. 57 ร่วม 7 ปีที่ผ่านมา คนไทยอยู่ในสภาพถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศตั้งแต่ยึดอำนาจจนถึงตอนนี้ไม่สามารถทำได้แต่เพียงเรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้กับคนไทยในชาติ เรื่องการปฏิรูปประเทศ และล่าสุดก็เบี้ยวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ(รธน.)

ตลอดที่ผ่านมา ตนก็ได้พูดคุยหารือกัน หากเราไม่สามารถจัดการกับพล.อ.ประยุทธ์ได้ภายใต้สถานการณ์นี้ ก็จะไม่มีวันที่จะก้าวไปข้างหน้า เพราะทั้งการออกแบบการสืบทอดอำนาจ การวางแผนเพื่อยื้อเวลาการร่างรัฐธรรมนูญโดย”นายมีชัย ฤชุพันธุ์” ที่เป็นการร่างตามสั่ง ตลอดจนการแก้ไขรธน.รัฐธรรมนูญที่เป็นเสมือนการสมคบคิดเป็นขั้นเป็นตอน

วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า สามัคคีประชาชน ดังนั้นปัญหาหลักอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ และปัญหาเรื่องมาตรา 112 นั้นก็อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ เพราะไปแถลงว่าจะไม่ใช้มาตรา 112 พอตอนหลังก็กลับคำพูดใช้มาตรา 112 ดึงสถาบันลงมา

ส่วนการแก้รธน.ที่พล.อ.ประยุทธ์ ท้าให้ไปแก้ให้ได้นั้น ตนก็สรุปว่าถ้าแก้ให้ได้ต้องไล่พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นถัดจากนี้ไปต้องใช้เวลาไปพูดคุยกับคู่ขัดแย้งในรอบ 15 ปีนี้ พร้อมนัดจัดกิจกรรมหารือกันอีกครั้งในวันที่ 4 เมษายน เวลา 4 โมงเย็น ที่สวนสันติพร พฤษภาประชาธรรม

ต้องรอดูกว่า การประสานพลังของกลุ่มอำนาจเก่า  หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง กลับมามีบทบาทในฝ่ายบริหาร จะสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลได้หรือไม่

เพียงแต่จุดที่อาจกลายเป็นปัญหาคือ สถานะแกนนำที่จะชูธงนำ ต่อต้านรัฐบาล  ต่างมีแผลมีชนักติดตัว ทั้งหลบหนีคดีทุจริต เป็นแกนนำการชุมนุม จนเกิดความรุนแรง ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ถูกตราหน้าว่า เป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง

จุดแข็งอาจกลายเป็นจุดอ่อน คิดว่าจะเป็นฝ่ายรุก แต่ต้องตกเป็นฝ่ายรับ สร้างจุดด่างเพิ่มจุดด้อย   ถูกขุดคุ้ยจนทำให้พลังความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ยิ่งไร้พลังมากขึ้นไปอีก 

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…แมวสีขาว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img