วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSปรับครม.ซื้อใจ“บิ๊กป้อม” วัดใจ“บิ๊กป๊อก”ยอมคายเก้าอี้“มท.1”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ปรับครม.ซื้อใจ“บิ๊กป้อม” วัดใจ“บิ๊กป๊อก”ยอมคายเก้าอี้“มท.1”

แม้ฝ่ายค้านจะวางเป้าหมายในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา151 บรรดารมต.ทั้ง 11 คน  ซึ่งรวมถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ภายใต้ยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน โดยต้องการให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว จากการเป็นฝ่ายบริหาร เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ตามดูเนื้อหาจากศึกซักฟอกแล้ว คงบอกได้แต่เพียง ยากที่จะเป็นไปได้

แม้กระทั่ง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส. พะเยา ในฐานะ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ที่ประกาศเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ยังพุ่งเป้าหมายไปที่รัฐมนตรีบางคนเท่านั้น เพราะรู้ถ้าหวังสูงจนเกินไป อาจไม่ได้เป็นไปตามที่ตนเองหวังไว้

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 18 ก.ค. “ร.อ.ธรรมนัส” ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังได้เดินทางเข้าพบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่สำนักงานมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดว่า พล.อ.ประวิตรได้ขอร้องให้พรรคศท. ยกมือสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ รวมไปถึงรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทั้งหมด แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากว่า วันนี้สถานะของพรรคศท.คือพรรคฝ่ายค้าน ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว

“ถึงแม้พรรคศท.จะไม่ได้ร่วมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.นี้ เพราะทางพรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีการจัดสรรแบ่งเวลากันไว้หมดแล้ว แต่เราก็ จะโหวตตามมติของพรรคฝ่ายค้าน ทุกคนในพรรคจะโหวตไปในทางเดียวกัน ยกเว้นการโหวตให้กับพล.อ.ประวิตร ที่พรรคยังสนับสนุนการทำหน้าที่บริหารราชการของท่าน เนื่องจากว่ายังไม่เห็นข้อบกพร่องและการทุจริตใด ๆเกิดขึ้น” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

การประชุมการพิจารณาญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ วันที่ 19ก.ค.65

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยรักธรรม (ทธ.) เปิดเผยว่า ร.อ.ธรรมนัสได้มาหารือกับ พิเชษฐ์ สถิรชวาล หัวหน้ากลุ่ม 16 บริเวณหลังห้องประชุม ถึงแนวทางการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีข้อสรุปร่วมกันว่า จะจัดหนัก “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ซึ่งมีแนวโน้มจะโหวตคว่ำทั้ง 2 คน แต่ขอฟังการอภิปรายก่อน ส่วนจะมีใครเพิ่มเติมจะมีการแถลงจากพรรคเล็กรายวัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้ พูดคุยกับสมาชิกกลุ่ม 16 และคุยกันว่าจะโหวตอย่างไรก็ว่าตามกัน

การประชุมการพิจารณาญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ วันที่ 19ก.ค.65

ถ้ายังจำได้สมัย “ร.อ.ธรรมนัส” ทำหน้าที่ เลขาธิการพรรคพปชร. เคยเคลื่อนไหวรวมกับส.ส.พรรคเดียวกัน เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงบุคคล ที่ดำรงตำแหน่ง “รมว.มหาดไทย” โดยอ้าง “บิ๊กป๊อก” ไม่ค่อยสนใจดูแลทุกข์สุขของส.ส.พรรคพปชร. ทำตัวห่างเหิน ไม่มีส่วนช่วยพรรคแกนนำรัฐบาลให้ได้เปรียบทางเมือง แต่การเคลื่อนไหวในครั้งนั้น ไม่ประสบความสำเร็จ และเป็น จุดเริ่มของรอยร้าว ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้กองคนดังกับ “2 ป.” และในที่สุด “ร.อ.ธรรมนัส” ก็ต้องระเห็จออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแกนนำรัฐบาล

ส่วนกรณีของ “สันติ” นั้น เป็น “แค้นฝังหุ่น” อันเนื่องมาจากในช่วงการเคลื่อนไหวล้ม “พล.อ.ประยุทธ์” ในศึกซักฟอกครั้งที่ผ่านมา “สันติ” ได้นำ แผนการเคลื่อนไหว ครั้งนั้น ไปแจ้งให้หัวหน้ารัฐบาลรับทราบ จนนำมาสู่การเดินเกมตีโต้ฝ่ายตรงข้าม และในที่สุดหัวหน้ารัฐบาลก็อยู่รอดมาได้ ส่งผลทำให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ไม่พอใจ “สันติ” เป็นอย่างมาก โดยมองว่า เป็นคนหักหลัง ไม่จริงใจทางการเมือง เลยสะสมความแค้นมาถึงวันนี้ ยิ่งมีประเด็นเกี่ยวกับ โครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ซึ่งตรงกับความคิดเห็นกับแกนนำกลุ่ม 16 ดังนั้นจึงถือเป็นการ รวมกฐินของกลุ่มบุคคล ที่ไม่พอใจเลขาธิการพรรคพปชร.เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ดังนั้นความเคลื่อนไหวของ “ร.อ.ธรรมนัส” และกลุ่มพรรคเล็ก คงมีเป้าหมายเพื่อให้มีการปรับครม. แม้ผู้กองคนดังจะไม่ได้สังกัด พรรคพปชร. แต่การช่วยสร้างกระแส และกดดันไปถึง “พล.อ.ประยุทธ์” ในช่วงที่ตนเองกำลังเผชิญแรงกดกดดัน ในสภา ที่สำคัญคือต่อจากนี้จะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไปอีกแล้ว อานิสงส์จะตกอยู่กับ “พล.อ.ประวิตร” หากต้องไปนั่งเก้าอี้ “มท.1” ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกระบวนการถูกตรวจสอบในสภาฯ ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนรัฐบาลจะหมดวาระ จึงต้องมีการสร้างกลไก สร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งหัวหน้าพรรคศท.อาจเข้าไปช่วยงาน “บิ๊กป้อม” หากมีโอกาสรับตำแหน่งสำคัญ 

การประชุมการพิจารณาญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ วันที่ 19ก.ค.65

ยิ่งก่อนหน้านั้นมักมีข่าว  “พี่ใหญ่ 3 ป.” เกิดอาการน้อยใจน้องเล็ก อันเนื่องมาจากเป็นถึงรองนายกฯ แต่ไม่ได้รับมอบหมาย ให้ดูแลงานสำคัญอะไร ทั้งที่คอยดูแลเสียงในสภาฯให้ตลอด และเตรียมสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” ให้กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลเป็นครั้งที่สาม อีกทั้งหัวหน้ารัฐบาลยังไม่ได้คืนเก้าอี้ “รมช. 2 เก้าอี้” ให้กับ หัวหน้าพรรคพปชร. หลังปลด “ร.อ.ธรรมนัส” พ้นจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” พ้นจากเก้าอี้ รมช.แรงงาน

น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. “พล.อ.ประวิตร” ได้เรียกประชุม ส.ส.พรรคพปชร. ประชุมที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดยในที่ประชุม “บิ๊กป้อม” ค่อนข้างอารมณ์ดี โดยได้กำชับส.ส.ให้ลงมติรัฐมนตรีไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด 11 คน พร้อมกับแจ้งว่า ขณะนี้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา กับ พรรคศท. ไม่ได้อยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว

โดยพล.อ.ประวิตรบอกกับที่ประชุมว่า “ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้อยู่แล้ว เขาก็ไปเป็นตัวของตัวเอง ควบคุมอะไรเขาไม่ได้แล้ว” ขณะเดียวกัน ยังกำชับ ส.ส.อย่าโหวตสวนแนวทางพรรค โดยระบุว่า ใครอย่าโหวตอย่างอื่น ถ้าทำอย่างอื่น ต่อไปหมดสิทธิ์ จะไม่ดูแลอีกแล้ว” 

อย่างไรก็ตาม มีอยู่ช่วงหนึ่ง “พล.อ.ประวิตร” ได้สอบถาม ส.ส.ว่า มีใครจะแสดงความเห็นอะไรหรือไม่ ทำให้ผู้บริหารพรรคคนหนึ่งเปิดประเด็น เกี่ยวกับการปรับครม. หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ที่ผู้บริหารพรรครายนี้เสนอให้ปรับ และให้ “พล.อ.ประวิตร” มานั่งเป็น รมว.มหาดไทยเอง พร้อมบอกกับ ส.ส.ใครเห็นด้วยขอให้ยกมือขึ้น

พี่น้อง 3 ป.

จากนั้นมี ส.ส. 4-5 คน ที่ปกติไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น ลุกขึ้นรับลูกสนับสนุนให้มีการปรับ “รมว.มหาดไทย” โดยอ้างว่าไม่เอื้อต่อการเลือกตั้ง ทำให้ “พล.อ.ประวิตร” ต้องปรามว่า “ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่เป็นไร หลังโหวตค่อยว่ากัน ผมจะลองคุยกับนายกฯดู แต่ตอนนี้ต้องโหวตให้เหมือนกัน 11 คน”

ต้องถือเป็นการส่งสัญญาณของ “ส.ส.พรรคพปชร.” ให้หัวหน้ารัฐบาลให้ได้รับรู้อีกครั้ง ถึงความต้องการให้มีการปรับครม. โดยเฉพาะ “กระทรวงมหาดไทย” ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญ ในการหาเสียงได้เป็นอย่างดี เนื่องจากทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งต้องถือเป็นบทพิสูจน์ “พล.อ.ประยุทธ์” ครั้งสำคัญ ว่าจะมีความจริงใจ และยอมผลักดันให้ “พี่ใหญ่ 3 ป.” มีโอกาสได้สร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคแกนนำรัฐบาลหรือไม่

บางทีการพูดคุยระหว่างสองบุคคล ที่มีบทบาทสำคัญทางการเมือง ระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “พล.อ.ประวิตร” หลังประชุมครม.เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องสีเหลือง โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง  สื่อหลายสำนัก รายงานตรงกันว่า ภายหลังพูดคุยทั้ง 2 คน ได้เดินออกมาจากห้องพร้อมกันด้วยสีหน้าสดใส อาจจะเป็นคำตอบ ที่ช่วยยืนยันว่าการเดินไปด้วยกัน ระหว่าง “3 ป.” คือหนทางเดียวที่จะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามได้

……………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”                                                          

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img