วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS‘ป่ารอยต่อ-พี่น้อง3ป.-พรรคร่วมรัฐบาล’ รอสแตนด์บาย-ผลคำตัดสินคดี“บิ๊กตู่”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ป่ารอยต่อ-พี่น้อง3ป.-พรรคร่วมรัฐบาล’ รอสแตนด์บาย-ผลคำตัดสินคดี“บิ๊กตู่”

เริ่มมีกระแสข่าวลือในทางการเมืองออกมาแล้วว่า มีการแจ้งเบื้องต้นจากคนใน “ป่ารอยต่อฯ” จุดบัญชาการสำคัญของ “พี่น้อง 3 ป.” และ “พลังประชารัฐ” ไปยังแกนนำพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลว่า วันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้ ขอให้เตรียมพร้อมสแตนด์บาย หากไม่มีเหตุจำเป็น ก็ขอให้งดไปต่างจังหวัด และให้เคลียร์ตารางงานหลังสี่โมงเย็นเป็นต้นไป ไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวได้ทันที

หากวันดังกล่าว “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รักษาการนายกฯและผู้จัดการัฐบาล-หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะมีการเรียกประชุมหารือทางการเมืองเป็นการด่วน ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. ในกรณีที่ ผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในคำร้องคดีแปดปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผลออกมา “ไม่เป็นคุณ” กับพล.อ.ประยุทธ์ ที่ก็คือ “บิ๊กตู่” หลุดจากนายกฯทันทีหลังการอ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นลง ที่คาดว่าไม่เกิน 16.30 น. ก็รู้ผลแล้ว เพื่อที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะได้มาหารือร่วมกันว่า จะเอาอย่างไรกันต่อไป

เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์หลุดจากนายกฯ ก็เท่ากับรัฐมนตรีทุกคนในรัฐบาล ก็หลุดจากตำแหน่งพร้อมกันไปด้วย เหลือแค่สถานะรัฐมนตรีรักษาการเท่านั้น

โดยหากออกมาแบบนี้ ทำให้ “บิ๊กป้อม” ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลและพี่เบิ้มของพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องเปิดห้องคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาล ว่าจะเดินหน้าไปทางไหน จะเป็นรัฐบาลรักษาการ ไปจนกว่าจะมีการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่จบลง หรือจะเลือกทางอื่น และหากจะให้เลือกนายกฯคนใหม่ พรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนใคร จะเป็นนายกฯจากบัญชีรายชื่อที่เหลือสองคนในพรรครัฐบาลคือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จากภูมิใจไทยกับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จากประชาธิปัตย์ หรือจะให้เอา “นายกฯคนนอก” ทั้งหมด….ต้องรีบคุยกันให้จบเร็วที่สุด

หรือถึงต่อให้ ผลออกมาอีกทางคือ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป ไม่ต้องหลุดจากนายกฯ ฝ่ายพล.อ.ประวิตรและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องรอสแตนด์บายไว้เช่นกัน!!!

เพราะคาดว่า หากผลออกมาแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์น่าจะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในเย็นวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. เพื่อแถลงข่าวเปิดใจต่อผลคำตัดสินที่ออกมา และพล.อ.ประวิตรจะเป็นแกนนำที่จะพาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล-รัฐมนตรีเข้าแสดงความยินดีกับพลเอกประยุทธ์ทันทีในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้

นี่คือความเคลื่อนไหวที่เริ่มปรากฏร่องรอยข่าวให้เห็นของฝ่ายต่างๆ ในช่วงนับถอยหลังรอผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดีแปดปีบิ๊กตู่

ขณะเดียวกันพบว่า “ฝ่ายค้าน” ทั้ง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ก็เริ่มมีการนัดแนะคุยกันเบื้องต้นแล้วว่า วันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้จะทำอย่างไร จะมีการแถลงข่าวร่วมกันในนามพรรคฝ่ายค้าน ที่เป็นผู้ร้องคดีนี้ ในช่วงเย็นวันดังกล่าว ที่รัฐสภา หรือว่าแต่ละพรรค จะไปรอลุ้นผลคำตัดสินกัน ณ ที่ทำการพรรคของตัวเอง แล้วก็แถลงข่าวในนามพรรคไป ที่คาดว่า คงได้ข้อสรุปในช่วงกลางสัปดาห์หน้านี้

จตุพร พรหมพันธุ์ – ทนายนกเขา / FB: ประเทศไทยต้องมาก่อน

อีกทั้งพบว่า “ฝ่ายความมั่นคง-ตำรวจ” ก็เริ่มเตรียมพร้อมรับมือกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่จะนัดรวมตัวทำกิจกรรมการเมืองกันในวันที่ 30 ก.ย.นี้แล้ว แม้พบว่าตอนนี้ กลุ่มที่ประกาศจะรวมตัวรอฟังผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ พบว่า กลุ่มหลักจะมีแค่กลุ่มเดียวคือ “คณะหลอมรวมประชาชน” ที่นำโดย “จตุพร พรหมพันธุ์” และ “ทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ” ที่นัดชุมนุมกันที่บริเวณราชประสงค์ ส่วนกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะ “ม็อบสามนิ้ว” ยังไม่มีท่าทีการนัดรวมตัวใดๆ

ทำให้ฝ่ายกองบัญชาการตำรวจนครบาล คงเน้นการวางกำลังตรึงสถานการณ์ ไว้ที่สองจุดหลักคือ หน้าที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งวัฒนะ ที่ปกติก็เป็นสถานที่ราชการที่เข้า-ออกยากอยู่แล้ว มีระบบรักษาความปลอดภัยและการกันพื้นที่ซึ่งแน่นหนามาก จึงไม่น่าห่วงอะไร กับอีกจุดก็คือที่ ราชประสงค์ ที่อาจจะเป็นการนัดชุมนุมของกลุ่มจตุพร-ทนายนกเขา ที่อาจได้รับความสนใจมากที่สุดนับแต่รวมกลุ่มกันมา เพราะผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมา อาจทำให้ “คนมีอารมณ์ร่วม” ด้วยจำนวนหนึ่ง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เลยไปร่วมแสดงออกกันที่จุดนัดหมายดังกล่าวพอสมควร  

ส่วนผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 30 ก.ย.นี้ มีการประเมินกันว่า แนวโน้ม “เสียงแตก” ไม่น่าจะมีมติเอกฉันท์แบบ 9 ต่อ 0 แต่จะเสียงแตกแบบไหน เป็นเรื่องที่ยังยากต่อการคาดเดา

แม้แต่กับ การคาดการว่า “บิ๊กตู่” จะรอดหรือไม่รอด จนถึงนาทีนี้ หลายฝ่ายก็ยังประเมินกันยาก เพราะกระแสออกมาหลายทาง

จากเดิมที่เคยประเมินกันว่า น่าจะรอด ได้กลับมาเป็นนายกฯต่อ แต่อาจเป็นได้แค่อีกสองปี เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะให้นับแปดปีตั้งแต่เริ่มประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อ 6 เม.ย.2560 แต่ช่วงหลัง ข่าวอีกบางกระแส ก็ประเมินว่า “บิ๊กตู่” น่าจะไม่รอด ด้วยมติเฉียดฉิว

เหตุเพราะความเห็นของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จากที่ตอนแรก ดูจะเป็นผลดีต่อพล.อ.ประยุทธ์หลังเอกสารรั่ว แต่สุดท้าย “ความเห็นของมีชัย” เสียน้ำหนักไปเยอะ เมื่อพบภายหลังว่า กรธ.เคยมีการรับรองรายงานการประชุมเรื่องความเห็นของกรธ.บางส่วนที่เสนอให้ การนับแปดปีต้องนับย้อนหลังไปถึงก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญด้วย ที่ก็หมายถึงการนับแปดปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องนับจากเป็นนายกฯรอบแรกเมื่อปี 2557 ด้วย เลยทำให้เป็นนายกฯต่อหลัง 24 ก.ย.2565 ที่ผ่านมาไม่ได้ พอเป็นแบบนี้ สถานการณ์ไม่ค่อยเป็นใจกับพล.อ.ประยุทธ์เท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมด ยังเป็นแค่การประเมินวิเคราะห์ โดยใช้สมมุติฐานการเมืองคาดการณ์กันไป

แต่ของจริง ข่าวว่า แม้แต่ใน 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยกันเอง ชั่วโมงนี้ก็ยังอ่านใจกันเองไม่ออก ต่างฝ่ายต่างสงวนท่าทีกันค่อนข้างมากเวลาคุยกันเรื่องนี้ เหมือนกับต่างคนก็ต่างรอที่จะเปิดไพ่-มติความเห็นตัวเองในเช้าวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้ตอนลงมติ

ดังนั้นที่มีกระแสข่าวต่างๆ ว่ามติจะออกมาแบบ 6 ต่อ 3 หรือบ้างก็ว่า 5 ต่อ 4 หรือ 7 ต่อ 2 มันก็แค่การคาดการณ์กันไปในแวดวงการเมืองเท่านั้น เพราะขนาด 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังอ่านทางกันเองไม่ออกเลย ว่าใครจะลงมติแบบไหน

แต่หากมองการเมืองไปข้างหน้า ถ้าผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมา โดยพล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯได้ต่อไป ถ้าเป็นแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเดินหน้าทำงานที่มีหลายเรื่องรออยู่เช่น การวางแผนเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปกที่ประเทศไทยช่วง 18-19 พ.ย. 2565, การลงพื้นที่ในฐานะนายกฯเพื่อพบปะประชาชนในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ขณะที่ทางการเมือง มองกันว่า “พรรคร่วมรัฐบาล” ย่อมใช้โอกาสนี้ รีบเสนอพล.อ.ประยุทธ์ให้ปรับครม.โดยเร็ว เพราะตำแหน่งว่างอยู่ หลัง “นิพนธ์ บุญญามณี” อดีตรมช.มหาดไทยจากประชาธิปัตย์ลาออกจากตำแหน่ง และ “กนกวรรณ วิลาวัลย์” รมช.ศึกษาธิการจากภูมิใจไทย  ถูกศาลฎีกาสั่งให้หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ทั้งสองพรรค คงไม่ยอมปล่อยให้โควตารัฐมนตรีของตัวเองว่างนานเกินไป  ก็ต้องขอให้ปรับครม.แน่นอน เช่นเดียวกับ พลังประชารัฐ ก็ย่อมเอาด้วย กับเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างอยู่สองตำแหน่งหลังมีการปลด “ธรรมนัส พรหมเผ่า” และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ออกจากครม.มาปีหนึ่งแล้ว

กระนั้น หากสุดท้ายเกิดถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่รอด ต้องหลุดจากนายกฯ ถ้าแบบนี้ พล.อ.ประวิตรก็ต้องคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เพราะเรื่องจะให้ยุบสภาฯเลย คงทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ ร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.และพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ อยู่ในขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัยที่คาดว่า กว่าจะวินิจฉัยเสร็จ ก็อาจเป็นช่วงเกือบๆ ปลายเดือนต.ค. ทำให้หากยุบสภาฯ จะเกิดปัญหาในการจัดการเลือกตั้งได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ

ทางที่เป็นไปได้ ก็คือ ต้องให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล ต้องตกลงกันว่า จะเอาอย่างไร จะเอานายกฯจากบัญชีรายชื่อที่มีสองชื่อคือ “อนุทิน ชาญวีรกูล-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ดูแล้ว หากมาแบบนี้ “อนุทิน” มีภาษีมากกว่าแน่นอน เพราะภูมิใจไทยเสียงส.ส.เยอะกว่าประชาธิปัตย์ อีกทั้ง “พี่น้อง 3 ป.” และสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ หากให้เลือกคงหนุนอนุทินมากกว่าอภิสิทธิ์อยู่แล้ว หรือสุดท้ายจะเอานายกฯคนนอก ที่ก็คงไม่พ้น “ลุงป้อม” จะถูกเสนอชื่อ แต่เสียงโหวตทั้งส.ส.และสว. จะคุมเพื่อให้โหวตนายกฯคนนอกได้หรือไม่ ตรงนี้อาจจะมีปัญหาอยู่ เพราะหลายคนแม้แต่กับส.ส.รัฐบาลและสว. ก็คงมีบ้างเช่นกัน ที่อึดอัดใจ หากจะต้องโหวตนายกฯคนนอก

ฉากการเมืองข้างต้นทั้งหมด จะออกมาแบบไหน อยู่ที่ผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ 30 ก.ย.นี้ อย่างเดียวเลยจริงๆ

……………………………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img