ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนกาและวัคซีนซิโนแวค ป้องกันโควิด-19 ดีเดย์ 7 มิ.ย. 64 ปูพรมทั่วประเทศ โดยสถานที่ฉีดใหญ่สุดในประเทศไทย ตั้งตระหง่านบนสถานีกลางบางซื่อ และสถานที่ฉีดใหญ่เบอร์สองเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนธรรมศาสตร์รังสิต ณ อาคาร ยิมเนเซียม 4
ในพื้นที่ต่างจังหวัดมีโรงพยาบาลระดับจังหวัด โรงพยาบาลรัฐสังกัดอื่นร่วมดำเนินการเต็มพิกัด
โดยบริษัทระบบโลจิสติกส์ให้ความมั่นใจต่อกระทรวงสาธารณสุข สามารถกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศได้วันละ 7 แสนโดส
“ตลอดเดือนมิ.ย.มีวัคซีนกระจายไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้ประมาณ 5-6ล้านโดส…ได้ครบแน่นอนทุกจังหวัดและครบทุกคนภายใน 4-5 เดือนนี้” นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำให้ความมั่นใจกับประชาชน
หลังทดสอบระบบการบริหารจัดการฉีดหลายจุด มั่นใจ 7 มิ.ย. อาจฉีดได้มากถึง 5 แสนโดส ตั้งเป้าฉีดเดือนละ 10 ล้านโดส ให้ครอบคลุมประชากร 70% หรือ 50 ล้านคนภายในปี 64 และเพิ่มวัคซีนให้ครบ 150 ล้านโดส เตรียมฉีดสำหรับเข็ม 3
แถมเพิ่มความมั่นใจให้ประชาชน หากฉีดแล้วเกิดอาการไม่พึงประสงค์ ผู้เสียหายยื่นเรื่องไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “สปสช.” เพื่อได้รับการช่วยเหลือเยียวยา
ก่อนหน้านั้นมีผู้มียื่นขอชดเชย 250 ราย ชดเชยไป 150 ราย โดยอาการไม่พึงประสงค์ ส่วนใหญ่นอนพักที่โรงพยาบาล
“ราษฎรเต็มขั้น” ส่องมาตรการต่างๆ ของ ศบค.แล้ว มั่นใจประเทศจะผ่านวิกฤติร้ายครั้งนี้ไปได้
ภายใต้เงื่อนไข “การ์ดห้ามตก” ทั้งจำกัดการเคลื่อนย้าย การรวมกลุ่ม มาตรการทางสังคม มาตรการองค์กร มาตรการส่วนบุคคล…ต้องเข้มข้นมากกว่าเดิม
และแม่ทัพใหญ่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและผอ.ศบค. เปรียบเหมือนฝ่ายเสธ.หรือวอร์รูมวางยุทธศาสตร์ทำสงครามข้ามปีกับไวรัสโควิด-19
ต้องประสานใจถึงใจกับขุนพลใหญ่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข และ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.
เพราะสภาพของกองทัพสู้โควิด-19 มันมีรอยปริร้าวให้เห็นตั้งแต่ตั้ง ศบค. แล้วรอยปริร้าวนี้ไม่ได้รับการเชื่อมประสาน เท่ากับรอวันแตกหัก
เห็นได้จาก “การสู้รบมันต้องจุดเดียว ไม่ใช่ต่างคนต่างไปคนละทาง มันจะแย่” ระดับอดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรมว.สาธารณสุข สะท้อนแบบนิ่มๆ
ชี้ให้เห็นว่า ศบค. – อีโอซี ก.สาธารณาสุข (ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข) – กทม. ต้องเป็นหนึ่งเดียว
แม้นายกฯ ยืนยันกลางที่ประชุมสภาระหว่างชี้แจงร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 65 ในวาระแรกรับหลักการว่า ไม่ได้มีปัญหากับ “เสี่ยหนู” ให้เกียรติรัฐมนตรีทุกพรรค โดยเฉพาะรมว.สาธารณสุข
แต่ลูกพรรคของ “เสี่ยหนู” บอกชัดๆ ไม่พอใจ ทั้งงบประมาณซื้อวัคซีนที่ถูกตัดออกจากงบสาธารณสุข ไม่ยอมใช้งานรมว.สาธารณสุข เพราะถูกรวบอำนาจงบประมาณ และอำนาจสั่งการกองรวมไว้ที่ศบค.
ตราบใดที่ทำงานโดยให้เกียรติ ไว้เนื้อเชื่อใจกัน พรรคภูมิใจไทยยินดีสนับสนุนรัฐบาลต่อ
สนิมเนื้อในศบค.-พรรคร่วมรัฐบาล หาก “แม่ทัพใหญ่ลุงตู่” ไม่รีบแก้ไข ยิ่งซ้ำเติมวิกฤติโควิด-19 เท่ากับซ้ำเติมประเทศไทย
……………………………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย “ราษฎรเต็มขั้น”