“วันครอบครัววัคซีน”คลายวิกฤติร้อน

เทศกาลสงกรานต์ ทุก ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน หรือ “ศปถ.” วางมาตรการเข้มลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

เฉพาะ 7 วันอันตรายครั้งนี้ ใช้กำลังพลตำรวจกว่า 8 หมื่นนาย แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ประจำจุดกวดขันวินัยจราจร 18,371 นาย, จุดตรวจแอลกอฮอล์ 12,139 นาย, ชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลืออุบัติเหตุ 9,670 นาย

แค่การวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสะท้อนเห็นว่า ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่ยังไร้จิตสำนึกขับขี่ปลอดภัยตามกฎหมายจราจร

แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และภาคเอกชน ผนึกกำลังลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยทุกวิธีทาง เน้นสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัย

แต่เฉพาะข้อมูลศูนย์ลดอุบัติเหตุเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ปรากฎว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมปีนี้ ถึงวันที่ 12 เม.ย.65 อยู่ที่ 4,230 ราย บาดเจ็บ 246,333 ราย

แยกจำนวนผู้เสียชีวิตตามช่วงอายุยิ่งน่าตกใจ เพราะส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยทำงาน โดยเฉพาะ 36-60 ปี 35.74% อายุระหว่าง 25-35 ปี 17.92%

ลองไปฟังมุมคิดผู้ขับรถที่ชำนาญเส้นทางและวิ่งทางไกล มักมีเสียงเตือนไปทิศทางเดียวกัน ให้ระมัดระวังรถที่แล่นสวนเลนตรงข้าม จะทะลุเกาะกลางถนนพุ่งชนรถอีกฝากฝั่ง

และ ส่วนใหญ่อุบัติเหตุร้ายแรง จะเกิดช่วงใกล้ตะวันตกดินถึงสามทุ่ม ก็ตรงกับสถิติข้อมูลผู้เสียชีวิตสะสมที่แยกตามช่วงเวลา

ยอดเสียชีวิตสูงสุดเฉลี่ยที่เวลา 20.00 น. จำนวน 228 ราย รองลงมาเวลา 19.00 น. และเวลา 21.00 น. เฉลี่ยที่ 162 ราย และ163 รายตามลำดับ

ที่น่าใจหายวาบ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ล้วนเป็นกำลังหลักของครอบครัว หัวหน้าครอบครัว บางรายก็กำลังย่างเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นที่พึ่งของครอบครัว

เมื่อขาดเสาหลัก เหมือนขาดสายป่าน ปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน ปัญหาสังคมตามมาหลอกหลอนทันที

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ไทยที่ลูกหลานกลับมาตภูมิระลึกถึงรากเหง้าของตัวเอง พร้อมกับเป็นวันครอบครัวและวันผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ขอให้ขับรถขับรา เดินทางปลอดภัยทุกท่าน

เพื่อให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา สร้างบรรยากาศแสนอบอุ่น พูดคุยแบบชิล ๆ เหมือนเป็นวัคซีนที่ช่วยสร้างภูมิให้ลูกหลานเข้มแข็ง ไม่กร้าวร้าว และกล้าเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ

ไม่ว่าประเทศไทยเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติการเมือง วิกฤติโรคระบาด “วัคซีนครอบครัว” นี่แหละจะช่วยให้ฝ่าฟันไปได้

แม้การสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนในอดีตค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจมันบิดเบี้ยว ดึงดูดแรงงานจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ บอนไซภาคเกษตรที่นับวันก็ค่อย ๆ หมดลมหายใจ

“ราษฎรเต็มขั้น” ยังไม่เห็นนโยบายพรรคการเมืองใด จะเนรมิตครอบครัวและชุมชนให้เข้มแข็งภายใน 4 ปีได้เลย

การเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นหวังว่า ไม่ใช่แค่แย่งชิงอำนาจและเปลี่ยนกลุ่มคนเข้ามากินเค้กแห่งผลประโยชน์ แล้วโยนเศษเค้กให้ชาวบ้านเหมือนเดิม !?

…………………………………

คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น