วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlightเทคนิคดูแล“ผิวแห้งขาดน้ำ” ให้กลับมาชุ่มชื้น ลดริ้วร้อย สุขภาพผิวดี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เทคนิคดูแล“ผิวแห้งขาดน้ำ” ให้กลับมาชุ่มชื้น ลดริ้วร้อย สุขภาพผิวดี

การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มลภาวะ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมถึงการปรนนิบัติดูแลผิวแบบไม่ถูกวิธี ทำให้ประสบกับปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ ผิวขาดความเรียบเนียน ลอกเป็นขุย รวมถึงปัญหาการเกิดริ้วรอย 

แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะนำวิธีสังเกตุอาการผิวแห้งขาดน้ำที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอยพร้อมเทคนิคดูแลผิวให้กลับมาชุ่มชื้นสุขภาพดีว่า “ผิวแห้ง (Dry skin) และผิวแห้งขาดน้ำ (Dehydrated skin) อาจทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าทั้งสองอย่างคือสิ่งเดียวกัน เพราะมีลักษณะอาการที่เหมือนกัน แต่หากหมั่นสังเกตอาการจะทราบถึงความต่างกัน ผิวแห้งขาดน้ำจะเป็นแค่อาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้เป็นลักษณะผิวที่เป็นมาแต่กำเนิด

ผิวแห้งขาดน้ำ (Dehydrated skin) เป็นภาวะปัญหาที่ผิวขาดความชุ่มชื้น หรือขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวใต้ชั้นผิวหนังทำให้ผิวเกิดการแห้งกร้าน สามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิว โดยผิวแห้งขาดน้ำมักจะมีผิวที่ทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน สามารถสังเกตลักษณะอาการได้ เช่น หลังล้างหน้าจะรู้สึกว่าผิวหน้าแห้งตึง หยาบกร้าน และแตกลอก แต่ในขณะเดียวกันระหว่างวันผิวจะมัน เป็นสิวง่าย แต่งหน้าไม่ติด ซึ่งเกิดจากการผลิตน้ำมันบนผิวมากเกินไปเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป ทำให้ดูผิวมัน รูขุมขนกว้าง หากปล่อยไว้นานอาจทำให้ผิวสูญเสียการทำงาน เกิดการแพ้ระคายเคือง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า

สาเหตุของการเกิดผิวแห้งขาดน้ำนั้น เกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดย ปัจจัยภายใน ได้แก่ โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ ที่ทำให้รักษาน้ำไว้ที่ผิวหนังไม่ได้ และอายุของเรา โดยอายุที่มากขึ้นนั้นจะส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันน้อยลง ไขมันระหว่างเซลล์ก็ลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำได้ง่าย

ปัจจัยภายนอก ได้แก่ สารเคมีหรือสารทำความสะอาดชนิดรุนแรงที่ไปชะล้างน้ำมันเคลือบผิวมากเกินไป ทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำง่ายขึ้น การลอกผิวหรือผลัดเปลี่ยนผิวชั้นหนังกำพร้าเร็วกว่าปกติ จนไม่สามารถสร้างชั้นไขมันได้ทัน ส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่มีประวัติการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดผิวที่มีความเข้มข้นสูง และใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศร้อนและเย็น ทำให้ผิวสูญเสียน้ำง่ายและมากขึ้น ผิวก็จะแห้งและเกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่เคยชินแบบผิดๆ เช่น การดื่มน้ำสะอาดน้อย การตากแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

ส่วนวิธีการดูแล ผิวแห้งขาดน้ำ ให้กลับมาชุ่มชื้นอย่างสุขภาพดี จำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูบำรุงและเติมน้ำให้แก่ผิวอยู่เสมอด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มอบความชุ่มชื้นกับผิวได้อย่างยาวนาน โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือรบกวนชั้นผิวที่บอบบาง อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก ใบชิโซะ (Shiso) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส

ที่สำคัญควรงดกิจกรรมที่ส่งผลรบกวนผิวอย่างเช่น การสครับหน้า การลอกหน้า การใช้แปรงนวดหน้าที่มีขนหยาบเกินไป ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดสูง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นล้างหน้า ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป สามารถคำนวณได้จากน้ำหนักตัว (ก.ก.) x 33 =… ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3, วิตามิน เอ ซี อี เพื่อลดการอักเสบของผิวหนัง และอีกสิ่งที่สำคัญ คือ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img